สสส.หนุน “ตำรับอาหารท้องถิ่น” เพื่อผู้สูงอายุ
รายงานประจำปีของประชากรและสังคมไทยรายงานไว้ว่าอีก 20 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ.2568 ด้วยวิทยาการที่ทันสมัยและเทคโนโลยีทางการแพทย์สูงขึ้น ทำให้กลุ่มคนที่เกิดช่วงระหว่าง พ.ศ.2506 – 2526 จะมีอายุขัยเฉลี่ยสูงขึ้นเป็น 80 ปีขึ้นไป
แต่จากการสำรวจผู้สูงอายุในประเทศไทยเมื่อปี 2545 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่าผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปร้อยละ 8.3 มีสุขภาพที่ย่ำแย่ลงเนื่องจากถูกโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเส้นเลือด โรคหัวใจขาดเลือด และอีกสารพัดโรครุมเร้า ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคเหล่านี้ คือ การบริโภคอาหาร
โครงการพัฒนาตำรับอาหารท้องถิ่นสำหรับผู้สูงอายุ จึงถูกศึกษาโดย นางพัศมัย เอกก้านตรง นางอรพินท์ บรรจง นางสาวอทิตดา บุญประเดิม นางสาวโสภา ธมโชติพงศ์ และ ดร.จินต์ จรูญรัก จากสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ประจำปี 2551
เพื่อให้เป็นแนวทางหนึ่งในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารของประชากรในประเทศไทย ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้สูงอายุ ให้บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ได้รับคุณค่าทางโภชนาการตามที่กำหนด กอันจะช่วยป้องกันและหลีกเลี่ยงการเกิดโรคต่างๆ ตามมาอีกมากมาย
นางพัศมัย เอกก้านตรง หัวหน้าโครงการพัฒนาตำรับอาหารท้องถิ่นสำหรับผู้สูงอายุ กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า จากการที่ทางสถาบันวิจัยโภชนาการหรือมหาวิทยาลัยฯ ได้มีการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับผู้สูงอายุอย่างมากมาย แต่พบว่าในเรื่องของอาหารสำหรับผู้สูงอายุนั้นมีน้อยมาก และจากการสำรวจเบื้องต้นนั้น ผู้สูงอายุจะมีปัญหาเรื่องโรคความดัน โรคเบาหวาน และโรคอื่นๆ อีกมาก จึงคิดว่าจะต้องให้ผู้สูงอายุที่ไม่มีเวลาไปหาหมอดูแลตัวเองได้ด้วยอาหารที่กินอยู่ทุกวัน ซึ่งถือว่าเป็นการดูแลเบื้องต้นที่ง่ายและได้ผลอย่างมากในการป้องกันโรคต่างๆ
ดังนั้นจึงได้ศึกษาและพัฒนาตำรับอาหารท้องถิ่นสำหรับผู้สูงอายุ โดยได้รวบรวมรายการอาหารต่างๆ ในพื้นที่ ต.ดอนแฝก อ.นครชัยศรี และ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ซึ่งถือเป็นตัวแทนของอาหารภาคกลางได้จำนวน 201 รายการ แล้วมาคัดเลือกให้เหลือ 40 รายการที่เป็นที่นิยมของผู้อายุ เพื่อนำมาจัดเป็นสำรับอาหารประจำวันใน 4 สัปดาห์
โดยอาหารแต่ละรายการจะมีการปรับเปลี่ยนหรือปรับสัดส่วนของวัตถุดิบและเครื่องปรุง เพื่อที่จะกำหนดคุณค่าทางโภชนาการที่ผู้สูงอายุควรจะได้รับ และไม่ส่งผลต่อก่อการเกิดโรคหรือไปส่งผลกระทบกับโรคประจำตัวของผู้สูงอายุในภายหลัง
นางอรพินท์ บรรจง คณะทำงานโครงการพัฒนาตำรับอาหารท้องถิ่นสำหรับผู้สูงอายุ กล่าวว่า สถาบันวิจัยโภชนาการได้จัดทำเป็นหนังสือตำรับอาหารท้องถิ่นสำหรับผู้สูงอายุไว้ในเว็บไซต์ของสถาบันฯ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ดาวน์โหลดไปใช้ประกอบอาหารสำหรับผู้สูงอายุในครอบครัว
โดยแต่ละรายการอาหารในหนังสือจะบอกสัดส่วน ปริมาณ วัตถุดิบ เครื่องปรุง วิธีการทำ รวมไปเคล็ดลับหรือสาระน่ารู้ของแต่ละเมนูว่าทำอย่างไรก็ถึงจะอร่อย รสชาติอาหารเป็นอย่างไร รวมถึงบอกคุณค่าทางโภชนาการของแต่ละรายการอาหารไว้อย่างละเอียด
นอกจากนี้แล้ว ยังได้พัฒนาอาหารว่างเพื่อสุขภาพ เพื่อเป็นตัวช่วยเสริมการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอของคนในชุมชน โดยได้ทำการเสริมแคลเซียมเข้าไปในขนมหรืออาหารว่าง เช่น ทองพลับเสริมแคลเซียม นมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียม เต้าฮวยเสริมแคลเซียม เป็นต้น เพื่อให้เข้าผู้บริโภคได้รับแคลเซียมได้ง่ายขึ้น และรับประทานได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา ซึ่งจะเป็นการสร้างแหล่งอาหารแคลเซียมให้กับชุมชน ทั้งยังสร้างจุดเด่นหรือจุดขายให้กับสินค้าได้อีกด้วย
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดาวน์โหลด “ตำรับอาหารท้องถิ่นสำหรับผู้สูงอายุ” ได้ที่ www.inmu.mahidol.ac.th หรือสอบถามได้ที่ สถาบันวิจัยโภชนาการ มหิวิทยาลัยมหิดล โทรศัพท์ 0-2800-2380
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
ภาพประกอบ: อินเทอร์เน็ต
update 20-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก