สสส. – สินเจริญบราเธอร์ ขับเคลื่อนเรือนจำสุขภาวะ

ที่มา :  เว็บไซต์ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากไทยโพสต์


สสส. – สินเจริญบราเธอร์ ขับเคลื่อนเรือนจำสุขภาวะ thaihealth


สสส.ขับเคลื่อนเรือนจำสุขภาวะ มุ่งสร้างสุขภาวะพื้นฐานผู้ต้องขัง แจงตัวเลข 46% ซึมเศร้าคุกคาม หนุน The Prison Project“สินเจริญบราเธอร์” ศิลปินจิตอาสาเพื่อนร่วมทางเติมพลังบวกใช้ดนตรีเยียวยาใจ “ผู้ต้องขัง” คืนคนใหม่กลับสู่สังคม พร้อมด้วยกลุ่มพันธมิตร, วิฑูรย์ ศิลาอ่อน นักธุรกิจผู้บริหารเครือ S&P, ผิง เฉิน อุปนายกสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน, สาโรจน์ เลิศพงษ์วรพันธ์ ผจก.แผนกส่งเสริมการขาย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9, อภิชาต ไทยรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ร่วมสนับสนุน 15 ผู้ต้องขังหญิงอยุธยาโชว์พลังด้วยเสียงเพลงใจใหญ่กว่าอะไรทั้งนั้น พร้อมเปิดตัวผู้พ้นโทษหัวใจดวงใหม่กลับสู่สังคมด้วยอาชีพสุจริต


งานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ The Prison Project : สร้างหัวใจดวงใหม่กลับสู่สังคม” ที่ชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 เมื่อวันที่ 16 กันยายน โดย “สินเจริญบราเธอร์” ประกอบด้วย บอม สุทธิศักดิ์, เบิ้ล ธีรยุทธ และบอย ธนัญชัย สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งเป็นโครงการเสริมสร้างสุขภาวะจิตในเชิงบวก เริ่มต้นที่ทัณฑสถานหญิง 4 เรือนจำ เรือนจำในกรุงเทพมหานคร เรือนจำในเขตปริมณฑลและเรือนจำในจังหวัดใกล้เคียง เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แดนหญิง) ทัณฑสถานบำบัดพิเศษหญิง (คลองห้า) เรือนจำกลางนครปฐม ทัณฑสถานหญิงธนบุรี


ในงานนี้วงดนตรีทีมสราญใจร้องนำโดยปราชญ์ จูน แซ็ก-เล่นดนตรีกู่เจิ้งดังก้องกังวานไปทั่วชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 โดยมีเชอรี่ The Voice Thailand ทำหน้าที่พิธีกร ทั้งนี้ยังเปิดตัวพันธมิตรสำคัญร่วมสนับสนุนบนเวที ภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9) สสส., วิฑูรย์ ศิลาอ่อน นักธุรกิจผู้บริหารเครือ S&P, ผิง เฉิน, ณัฐพัชร์ เชษฐธนินภัชร์ อุปนายกสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน, สาโรจน์ เลิศพงษ์วรพันธ์ ผจก.แผนกส่งเสริมการขาย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9, อภิชาต ไทยรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย, คืนสิทธิ์ สุวรรณวัฒน์ (พิธีกรคู่กับวิทวัส สุนทรวิเนตร์ รายการตีสิบ)


สสส. – สินเจริญบราเธอร์ ขับเคลื่อนเรือนจำสุขภาวะ thaihealth

ภรณี ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะประชากรกลุ่มเฉพาะ (สำนัก 9) สสส. ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า ประเทศไทยมีปัญหาผู้ต้องขังล้นคุก และเพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ พบว่าปี 2561 มีจำนวนผู้ต้องขังรวม 355,543 คน แบ่งเป็นชาย 308,532 คน และผู้ต้องขังหญิง 47,011 คน ถือว่ามีผู้ต้องขังมากเป็นอันดับ 6 ของโลก และมีผู้ต้องขังหญิงสูงเป็นลำดับ 4 ของโลก และเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย รองจากประเทศอินเดีย จีน การที่มีผู้ต้องขังจำนวนมากเกินกว่าที่เรือนจำจะรับได้ ทำให้เกิดปัญหาทั้งความแออัด น้ำดื่ม น้ำใช้ ขาดแคลนพื้นที่สำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งล้วนผลต่อสุขภาวะทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ


ภรณีกล่าวต่อว่า สสส.สนับสนุนขับเคลื่อนเรือนจำสุขภาวะ ซึ่งหมายถึงเรือนจำ มีสภาวะแวดล้อมทางกายภาพ สังคม และวัฒนธรรมที่ผู้ต้องขังได้รับการปฏิบัติที่เคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ให้ผู้ต้องขังมีโอกาสได้พัฒนาตนเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้กลับคืนสู่สังคมได้อย่างมีคุณภาพ นำไปสู่การสร้างสังคมที่มีสุขภาวะที่ดี ผ่านกิจกรรมหลากหลาย เช่น โยคะในเรือนจำ การปลูกพืชผักและพืชสมุนไพร รวมถึง Music Therapy


เรือนจำสุขภาวะ 7 ด้าน ดูแลตัวเองมีพลังความคิด และทำให้ผู้ต้องขังได้รับการฟื้นฟู มองโลกผ่านเสียงดนตรี มีทักษะในศิลปะทุกด้าน ทุกคนร้องเพลงเป็น ดึงการมีส่วนร่วมได้รับโอกาสที่ดี เป็นการสร้างความประทับใจในจิตวิญญาณ เป็นสะพานเชื่อมเรือนจำสู่โลกภายนอก ช่วยให้สังคมเปิดโอกาสหลายมุมมองใหม่แก่ผู้ต้องขัง ในเรือนจำแต่ละแห่งมีผู้ต้องขัง 1,000 คนขึ้นไป ตลอดทั้งโครงการมีการเสริมสร้างสุขภาวะจิต เสริมกำลังใจให้ผู้ต้องขังมากกว่า 6,000 คน มีตัวอย่างผู้พ้นโทษที่สามารถประกอบอาชีพเป็นที่ยอมรับในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมที่จะประชาสัมพันธ์ให้กับสังคมในวงกว้าง เพื่อจะได้สร้างทัศนคติที่ดีในเชิงบวกต่อผู้พ้นโทษในอนาคตต่อไป


“เราไม่ควรมีผู้ต้องขังเยอะขนาดนั้น ต้องประคับประคองให้มีชีวิตตามอัตภาพ มีการสำรวจว่า เมื่อ 3 ปีก่อนปล่อยผู้ต้องขังจากเรือนจำ 33% กลับเข้ามาในเรือนจำด้วยความผิดซ้ำๆ เมื่อพ้นโทษ เป็นเพราะสังคมไม่ได้ให้โอกาส ปัญหานี้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน การเปิดโอกาสให้คนดีกลับคืนสู่สังคมเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งผลการสำรวจจากโครงการวิจัยเพื่อพัฒนาระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชสำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำ โดยสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต พบว่าผู้ต้องขังร้อยละ 45.67 มีภาวะซึมเศร้า ปัญหาสุขภาพจิต หรือโรคทางจิตเวช อยู่แยกจากครอบครัวตัวเอง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่จำกัด เรื่องสุขภาวะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนพึงได้รับ”


"โครงการ The Prison Project : คืนคนใหม่ ให้สังคมไทยแข็งแรง เป็นโครงการที่ สสส.สนับสนุน โดยมีการนำเอาแนวคิดเรือนจำสุขภาวะเข้ามาปรับใช้ในโครงการ ทำให้ผู้ต้องขังมีพลังชีวิต คิดบวก สร้างกำลังใจให้ผู้ต้องขังผ่านเสียงเพลง และกลับมามีโอกาสสร้างที่ยืนในสังคมได้ โดยดำเนินการเล่นดนตรีเพื่อชีวิตในลักษณะของคอนเสิร์ตใน 4 เรือนจำ คือ เรือนจำอยุธยา เรือนจำธนบุรี เรือนจำนครปฐม และเรือนจำธัญบุรี" ภรณีกล่าว


สุทธิศักดิ์ สินเจริญ (บอม) ผู้รับผิดชอบโครงการ The Prison Project กล่าวว่า โครงการนี้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจให้แก่ผู้ต้องขังที่ถูกควบคุมตัวมีโอกาสกลับตัวกลับใจ และสำนึกในความผิดก่อนกลับไปเป็นคนดีของสังคม และในส่วนของผู้ต้องขังที่ใช้เวลาว่างหลังฝึกอาชีพ รวมตัวกันจัดตั้งวงดนตรีเพื่อแสดงออกถึงความรู้สึก ใช้ดนตรีปลอบโยนจิตใจ ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ส่วนตัวอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับโครงการสร้างหัวใจดวงใหม่กลับสู่สังคม “เมื่อ 3 ปีก่อนผมให้เงินผู้ต้องขัง 3 หมื่นบาทซ่อมกีตาร์โปร่ง ไม่ได้คาดหวังว่ากีตาร์โปร่งจะกลับมาดีเหมือนเดิม แต่อยากให้โอกาสผู้ต้องขังกลับตัว มีที่ยืนในสังคม ขณะนี้ผู้ต้องขังคนนั้นพ้นโทษแล้ว รวมทั้งผู้ต้องขังหญิงที่พบกันข้างนอกโดยบังเอิญที่สนามเสือป่า เมื่อผมไปซื้อโทรศัพท์มือถือแล้วเธอเป็นคนขายโทรศัพท์มือถือ บอกกับผมว่าหนูพ้นโทษแล้ว”


“ผมใช้เงินทุน 3 พี่น้องเล่นดนตรีทุกวัน เก็บหอมรอมริบทำโครงการ The Prison Project ให้บอยเป็นคนตั้งชื่อให้ อุปสรรคมีทุกครั้ง แต่มีเจ้าหน้าที่ช่วยคลี่คลาย การเข้าไปในเรือนจำเป็นแดนสนธยา มีข้อจำกัดหลายอย่าง เมื่อเราพิสูจน์ว่าเราทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ต้องขังจริงๆ


ประชา ประสงค์ธรรม นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แดนหญิง) ทั้งหมด 15 คน สวมเสื้อ Cook 9 Coff วังจันทร์ Fresh Coffee มาร่วมร้องเพลงใจใหญ่กว่าอะไรทั้งนั้น.. “ปล่อยหัวใจตัวเองออกมา อาจจะมีบางครั้งเรานั้นล้มลง และยังคงไม่มีหนทางไปต่อ เรื่องมันรุมเร้าใจแค่นั้น บอกเลยไม่ต้องท้อ คิดว่ายังไม่พอที่จะทำร้ายเรา ไม่ต้องโทษใครทั้งนั้น เราต้องมั่นใจว่ายังมีหนทางทำให้ไปต่อ บอกหัวใจเราชัดๆ บอกเลยว่าไม่ท้อ เกิดมาหนึ่งชีวิต (ยกมือขวาขึ้น) เพราะใจของเราใหญ่กว่าอะไรทั้งนั้น ใจใหญ่กว่า ใจนั้นสำคัญ คนเราวัดกันที่หัวใจ ไม่โทษใครทั้งนั้น เราต้องมั่นใจ เพราะยังมีหนทางให้ไปต่อ….บอกหัวใจเราชัดๆ บอกเลยว่าไม่ท้อ ….”


ในช่วงท้ายเป็นรายการสัมภาษณ์พิเศษเพื่อสร้างแรงบันดาลใจจากผู้พ้นโทษตัวอย่างจากโครงการ The Prison Project : คืนคนใหม่ให้สังคมไทยแข็งแรง ไพวรรณ น้อยคูณ, ศศิธร สุวรรณเทศ ที่ขณะนี้ทั้งสองประกอบอาชีพสุจริตด้วยการซ่อมเครื่องดนตรีและขายโทรศัพท์มือถือฯลฯ ศศิธร สุวรรณเทศ กล่าวว่า “กว่าหนูจะยืนถึงจุดนี้ทำได้ยาก หนูพูดจากใจจริง เป็นเพราะแรงบันดาลใจจากพี่ๆ วงดนตรีสินเจริญที่ให้กำลังใจ ฝากถึงพี่ๆ น้องๆ ทุกคน คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่อยู่ที่ตัวเราเลือกดีเลือกชั่วได้ สังคมให้โอกาสผู้ต้องขังทำให้มีวันนี้ได้”

Shares:
QR Code :
QR Code