สสส.-มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจับมือสคบ.ลงนามMOUคุมแร่ใยหิน

สสส.-มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจับมือสคบ.ลงนามMOUคุมแร่ใยหิน 

 

            สสส. และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จับมือ สคบ.ลงนาม mou คุม แร่ใยหิน หลัง สคบ.ประกาศให้เป็นสินค้าอันตราย พบเป็นสารก่อมะเร็ง 52 ประเทศเลิกใช้ ขณะที่ ไทยกลับใช้มากเป็นอันดับ 2 ของโลก

 

            สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สำนักนายกรัฐมนตรี จัดการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการควบคุมสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหิน และมาตรการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมทั้ง ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (mou) การควบคุมแร่ใยหิน ระหว่าง สสส.โดยแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ สคบ. เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน 2553 ณ ห้องมิราเคิล แกรนด์ ab โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

 

            นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภค โดยกำหนดให้เป็นนโยบายด้านสวัสดิการสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งการควบคุมเกี่ยวกับอันตรายของแร่ใยหินนั้น สคบ.ได้มีประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 27 และฉบับที่ 29 เรื่อง ให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก โดยการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินจะต้องระบุข้อแนะนำในการใช้ คำเตือน รวมทั้งแสดงตราสัญลักษณ์ความเป็นอันตรายไว้ในฉลากสินค้า เพื่อเป็นการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าซึ่งเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น และเพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคของส่วนราชการและภาคประชาชนเกี่ยวกับการควบคุมแร่ใยหิน จึงขอมอบนโยบายให้ส่วนราชการและภาคประชาชนร่วมกันดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว 6 ข้อ ดังนี้

 

            1.ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับแร่ใยหินและตระหนักถึงอันตรายของแร่ใยหิน เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัย

            2.ควบคุมตรวจสอบการจัดทำฉลากสินค้าของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหิน เพื่อให้มีการจัดทำฉลากสินค้าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับทราบข้อมูลและนำไปใช้งานได้อย่างปลอดภัย

            3.สร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐ และภาคประชาชน องค์กร เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายในการตรวจสอบและเฝ้าระวังสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

            4.ส่งเสริม สนับสนุน ผู้ประกอบการที่จัดทำแสดงฉลากถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด เพราะถือว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีคุณธรรม

            5.บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้ประกอบการที่ไม่ให้ความร่วมมือในการแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค

            และ 6.ร่วมผลักดันให้เลิกใช้แร่ใยหินในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนห้ามการนำเข้าแร่ใยหินชนิดไครโซไทล์

 

            สิ่งที่ผมคาดหวังคือ ต้องการเห็นผู้บริโภคมีความเข้มแข็งในการป้องกันตนเอง ฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ ปกป้องสิทธิของตนเองได้ หากทุกคนร่วมมือร่วมใจ ปกป้องสิทธิของตนการกระทำดังกล่าว จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของผู้บริโภครัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว

 

            รศ.ดร.ภก.วิทยา กุลสมบูรณ์ แผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ สสส. กล่าวว่า แผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ สสส. มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ สคบ. ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการควบคุมแร่ใยหิน เนื่องจากเห็นว่า การควบคุมสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินและมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ตามที่ สคบ.ได้มีประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ 27 และฉบับที่ 29 เรื่อง ให้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง และนำไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม

 

            ในประเทศไทย ยังมีการนำแร่ใยหิน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งไปใช้เป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องยาง เบรก คลัทช์ ไม้ฝา ท่อน้ำ ขณะที่องค์การอนามัยโลก องค์กรแรงงานระหว่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ ต่างสนับสนุนให้ยกเลิกการใช้แร่ใยหิน มี 52 ประเทศทั่วโลกที่ยกเลิกการใช้ ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคตอันใกล้ ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยมะเร็งเยื่อหุ้มปอดจำนวนมากกว่าพันรายต่อปี เนื่องจากจำนวนการใช้แร่ใยหินในประเทศไทยมีปริมาณมากกว่า 1 แสนตันต่อปี หรือ 3 กิโลกรัมต่อคนต่อปี นับเป็นอัตราการใช้ต่อประชากรเป็นอันดับ 2 ของโลกรศ.ดร.ภก.วิทยากล่าว และว่า ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการควบคุมแร่ใยหินนี้ ประกอบด้วย

 

            1.ประสานความร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชนทั้ง 76 จังหวัดให้ดำเนินการตรวจสอบการจัดทำฉลากสินค้าของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินของผู้ประกอบธุรกิจ และให้รายงานผลการดำเนินงานมาให้ สคบ.ทราบ

            2.ประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคมีความรู้เกี่ยวกับแร่ใยหินและตระหนักถึงอันตรายของแร่ใยหิน เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง

            3.ตรวจสอบการจัดทำฉลากสินค้าของผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหินจากผู้ประกอบธุรกิจ เพื่อให้มีการจัดทำฉลากสินค้าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลความปลอดภัยในการนำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปใช้งาน

            4.ร่วมกันตรวจสอบและเฝ้าระวังสินค้าที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัย โดยมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะเป็นเครือข่ายในการตรวจสอบและเฝ้าระวังสินค้าอันตรายที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้มีคำสั่งห้ามขาย

            และ 5.ร่วมผลักดันให้เลิกใช้แร่ใยหินในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนห้ามการนำเข้าแร่ใยหินชนิดไครโซไทล์

 

            นายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กล่าวว่า สคบ.ร่วมกับ สสส.โดยแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพจัดสัมมนานี้ก็เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ที่เกี่ยวกับประกาศของคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก นอกจากนี้ การสัมมนานี้ยังจัดเพื่อเป็นการบรูณาการการดำเนินงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน และร่วมกันเป็นเครือข่ายตรวจสอบและเฝ้าระวังสินค้าที่มีส่วนประกอบของแร่ใยหิน

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

 

update : 25-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย :  ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

 

Shares:
QR Code :
QR Code