สสส. ผนึกพลังคนรุ่นใหม่–คนคืนถิ่น เดินหน้าลดเหลื่อมล้ำสุขภาพในเขตเมือง ปลุกเมืองสุขภาวะ 14 พื้นที่ สร้างผู้นำ 269 คน

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

                    สสส. สานพลังพลังคนรุ่นใหม่-คนคืนถิ่น ขับเคลื่อนเมืองสุขภาวะ 14 พื้นที่ 10 จังหวัด สร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้ 269 คน เชื่อมกลไกท้องถิ่นใน 5 เมืองหลัก “ปลุกเมือง” กำหนดสุขภาวะคนไทยในอนาคต ต้องเร่งสร้างพลเมืองตื่นรู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ


                    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ธ.ค. 2568 ที่ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีสื่อสาธารณะ “โครงการพัฒนาศักยภาพเครือข่ายคนรุ่นใหม่และคนคืนถิ่นในการสร้างการเปลี่ยนแปลงและลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาวะในเขตเมือง” โดยมีผู้แทนจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และเครือข่ายคนรุ่นใหม่และคนคืนถิ่นจากหลายจังหวัดเข้าร่วม นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส. มีภารกิจสำคัญในการสนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อสุขภาวะของคนไทย การหนุนเสริมคนรุ่นใหม่และคนคืนถิ่นให้ริเริ่ม ก้าวเดิน และช่วยกันสร้าง “พื้นที่และสังคมสุขภาวะ” ในเมืองต่าง ๆ เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ไม่เพียงสิ่งปลูกสร้างหรือกลไกทางเศรษฐกิจ แต่หมายถึงพลังของผู้คนที่ลุกขึ้นมาร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองบนฐานสุขภาวะ ทั้งในมิติร่างกาย จิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม


                    “ความเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างประชากร การเข้าสู่สังคมสูงวัย เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า และระบบเศรษฐกิจ ไทยกำลังเผชิญโจทย์สุขภาวะใหม่ ๆ ที่ซับซ้อน คนรุ่นใหม่จะเป็นทั้งผู้ได้รับผลกระทบและผู้สร้างโอกาสใหม่ในเวลาเดียวกัน โครงการนี้จึงออกแบบให้เป็นพื้นที่บ่มเพาะ ‘ผู้นำการเปลี่ยนแปลง’ คนรุ่นใหม่ ที่มีจิตอาสา มีส่วนร่วมในการสำนึกรักบ้านเกิด และร่วมเปลี่ยนแปลงคนในชุมชนในพื้นที่ตั้งแต่ระดับชุมชน ตำบล อำเภอ และจังหวัด เป็นความสุขที่เห็นคนอื่นมีความสุขเริ่มต้นที่พื้นที่เล็กๆ ของพวกเรา โดยจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา สามารถสร้างผู้นำและผู้ร่วมขับเคลื่อนคนรุ่นใหม่และคนคืนถิ่นในระดับ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Leader) และ ผู้ประสานการขับเคลื่อน (Associate) 269 คน ขยายเครือข่ายคนรุ่นใหม่ไปยังพื้นที่เขตเมือง 21 กลุ่ม เชื่อมโยงการทำงานร่วมกับ อปท. และหน่วยงานรัฐใน 5 พื้นที่หลัก ได้แก่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อ.แกลง จ.ระยอง จ.น่าน จ.เชียงใหม่ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร สะท้อนให้เห็นว่าพลังของประชาชน เมื่อได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นระบบสามารถเป็นกลไกขับเคลื่อนเมืองสุขภาวะ เป็นฐานพลังของเมืองในอนาคต เพื่อพัฒนาเมืองให้น่าอยู่” นพ.พงศ์เทพ กล่าว


                    ผศ.ดร.ณัฐวุฒิ อัศวโกวิทวงศ์ ผู้รับผิดชอบโครงการฯ กล่าวว่า โครงการฯ นี้เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Bangkok City Lab และ สสส. เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่และคนคืนถิ่นได้ทดลองสร้างสรรค์ในถิ่นกำเนิดของตนเอง ผ่านกรอบปฏิบัติการปลุกเมือง ที่ใช้คนรุ่นใหม่เป็นตัวกลางสานพลังระหว่างภาคชุมชน/พลเมือง ภาควิชาการ และภาครัฐ/ท้องถิ่น โครงการมีพื้นที่ปฏิบัติการรวม 14 โครงการย่อย ใน 10 จังหวัด มีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 599 คน ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่เพียงสร้างผู้นำ 269 คน แต่ยังพัฒนาชุดกิจกรรมขับเคลื่อนเมือง 15 ชุด บทเรียนการพัฒนาคนรุ่นใหม่ 1 ชุด และสามารถเชื่อมโยงการทำงานกับเทศบาลและองค์กรท้องถิ่นอย่างเป็นทางการใน 5 พื้นที่ ซึ่งทำให้โครงการต่าง ๆ สามารถต่อยอดสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระดับพื้นที่ได้จริง


                    “ตัวอย่างพื้นที่ที่สะท้อนบทบาทของคนรุ่นใหม่อย่างเป็นรูปธรรม เช่น โครงการระบบดูแลสุขภาพจิตเยาวชนใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โครงการ Young Hak Nan จ.น่าน ที่ใช้ทุนวัฒนธรรมอาหารเป็นเครื่องมือบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ โครงการท่องเที่ยวบนฐานชุมชน จ.ระยอง ที่รับมือแรงกดดันจากระบบทุนนิยม พื้นที่เรียนรู้สร้างสรรค์สำหรับเด็กและครอบครัวใน จ.ลำพูน หลังจากนี้เตรียมขยายไปสู่เครือข่ายคนรุ่นใหม่รุ่นที่ 2 เพิ่มอีก 15 พื้นที่ โดยมุ่งเน้นกลุ่มเปราะบางและพื้นที่นอกศูนย์กลางเมืองมากขึ้น เพื่อให้การลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาวะเกิดขึ้นอย่างทั่วถึงในระยะยาว” ผศ.ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว


                    ดร.นิสา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส. กล่าวว่า ไทยกำลังก้าวสู่สังคมสูงวัย และมีแนวโน้มว่าภายในปี 2030 ประชากรมากกว่า 60% จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง จึงจำเป็นต้องออกแบบสภาพแวดล้อมเมืองและพื้นที่สาธารณะอย่างองค์รวม โดยอาศัยบทบาทของท้องถิ่น ท้องที่ องค์กรชุมชน หน่วยงานรัฐ และภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่และคนคืนถิ่นที่รู้บริบทพื้นที่ดีที่สุด โครงการนี้ได้สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชในบทบาทของสถาบันวิชาการคู่ความร่วมมือทำหน้าที่พี่เลี้ยง คัดเลือกพื้นที่ปฏิบัติการ 14 เมืองจากศักยภาพและโจทย์ที่ชัดเจนของคนรุ่นใหม่ และพัฒนากลุ่มการทำงานให้เติบโตเป็น 4 ระดับ คือ 1) ต้นกล้าคนรุ่นใหม่ 2) กลุ่มทำงานร่วมกับพันธมิตรในพื้นที่ 3) เครือข่ายการทำงานเชื่อมหลายกลุ่ม 4) กลุ่มที่พัฒนาเป็นโมเดลธุรกิจดึงทรัพยากรกลับมาหนุนเสริมงานสุขภาวะอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้พิสูจน์ว่าเมื่อมีพื้นที่และการสนับสนุนที่เหมาะสม คนรุ่นใหม่สามารถเป็นทั้งเจ้าของเมืองและผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้จริง
ข้อมูลเพิ่มเติม


                    บรรยากาศงานตลอดทั้งวันเต็มไปด้วยการหมุนเวียนเรียนรู้ฐานต้นแบบ เช่น “เที่ยวน่านฟินๆ สายอินสุขภาวะ”, “ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ยังเป็นเด็กอยู่ได้ไหม”, “City Connect Rayong”, “ธนBrewรี ขี่ม้าส่งกาแฟ”, และ “Metropoly เกมทดลองเมือง” ก่อนปิดท้ายด้วยเวิร์กช็อประดมความคิดเห็นออกแบบแนวทางผลักดันเมืองสุขภาวะในระยะต่อไป เวทีครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการสรุปผลโครงการ แต่เป็นจุดรวมพลังของผู้นำรุ่นใหม่ ท้องถิ่น ภาควิชาการ และ สสส. ในการร่วมกันวางฐานอนาคตเมืองไทยให้เท่าเทียม น่าอยู่ และมีสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน

Shares:
QR Code :
QR Code