สสส.ประชุมพัฒนา รพ.ภาคเหนือ

บริหารด้วยหัวใจ

สสส.ประชุมพัฒนา รพ.ภาคเหนือ

 

         นพ.อนุวัฒน์ ศุภชุติกุล ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) เป็นประธานการประชุมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นวัตกรรมสร้างเครือข่ายเพื่อการพัฒนาคุณภาพสู่ความยั่งยืน (ภาคเหนือ) ที่โรงแรมดิเอ็มเพรส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในระหว่างวันที่ 26 – 27 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการต่อยอดการพัฒนาบุคลากร ตามโครงการการสร้างเสริมสุขภาพผ่านกระบวนการคุณภาพเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน หรือ  sustainable health care ; health promoting by appreciation and accreditations (sha) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในการพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลลงสู่การปฏิบัติ อย่างเป็นรูปธรรม โดยนำแนวคิดของการบริการด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง มาเชื่อมต่อกับการพัฒนาคุณภาพโรงพยาบาล มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพสู่ความยั่งยืน โดยมีบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลในพื้นที่ภาคเหนือเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนกว่า 40 แห่ง

        

         โดยตลอด 2 วันนี้ มีการจัดทำแผนกลยุทธ์ การสร้างการเรียนรู้ในลักษณะเครือข่ายพันธมิตร แลกเปลี่ยนเรียนรู้ รูปธรรมความสำเร็จ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนนวัตกรรมการพัฒนาคุณภาพ การนำเรื่องเล่าจากประสบการณ์จริงมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อขยายแนวความคิดและต่อยอดแนวความคิดเพื่อสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ ระหว่างโรงพยาบาลในเขตภาคเหนือ ทั้งโครงการรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 เพื่อส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์อันดี และเกิดเครือข่ายการพัฒนาคุณภาพระหว่างโรงพยาบาล sha ทั้ง 2 รุ่น ให้มีความยั่งยืนต่อไป

         

         นางดวงสมร บุญผดุง รองผู้อำนวยการด้านส่งเสริมการพัฒนาและผู้จัดการโครงการสร้างเสริมสุขภาพสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน กล่าวว่า เราต้องการกระตุ้นให้คนทำงานในโรงพยาบาลไม่มีความทุกข์ แต่มีความสุขใจในการที่จะให้บริการผู้ป่วยที่ออกมาจากจิตวิญญาณ เป้าหมายของเรายังต้องก้าวไปอีกไกล แต่ สสส.ให้เวลาเราเพียง 2 ปี ซึ่งเราก็ต้องพยายามก้าวไปให้ได้ด้วยตนเอง บุคคลากรต้องเริ่มเปิดใจให้ความรัก เอื้ออาทรต่อกันก่อนที่จะส่งต่อไปยังผู้ป่วย มีความสุขที่ได้ดูแลผู้อื่นประดุจญาติ เพื่อความยั่งยืน

         

         “ระบบการรักษาผู้ป่วยต้องเป็นมาตรฐานสากลหรือมาตรฐานตะวันตก แต่เราต้องใช้ความเป็นมนุษย์เอื้อเฟื้อต่อกันเป็นจุดแข็งในการดูแลคนไข้ เพราะค่านิยมในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ทำให้เกิดความห่างเหิน ระหว่างคนไข้กับผู้ให้การรักษา กลายเป็นสังคมต่างคนต่างอยู่ การจัดทำโครงการ sha ขึ้น เพื่อให้มนุษย์สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยความรักและห่วงใยจากใจแพทย์ พยาบาลเคารพคนไข้และญาติ เชื่อว่าปัญหาการฟ้องร้องแพทย์ที่กำลังมีการถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะคนปัจจุบันนำสังคมตะวันตกมาใช้มากเกินไป จนกลายเป็นปัญหาขึ้น ในอนาคตเราจะต่อยอดไปยังโรงเรียนแพทย์ เพื่อพัฒนาความยั่งยืนไปในทิศทางเดียวกัน” นางดวงสมร กล่าว

         

         พญ.นันทา อ่วมกุล คณะกรรมการกำกับทิศโครงการ sha และอนุกรรมการรับรองสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลฯ กล่าวว่า ประสบการณ์ดีๆ ที่รุ่นพี่เล่าสู่รุ่นน้อง ทำให้เกิดการเข้าถึง เข้าใจ และนำไปสู่การพัฒนา 1 ปี แรกของโครงการ sha เราได้มุมมองในแบบองค์รวมที่สนองตอบความต้องการของผู้รับบริการมากขึ้น คือมีวิธีคิดและวิธีทำงานที่เปลี่ยนแปลง แต่ยังไม่ลึกซึ้งพอคือยังไม่ขยายไปทุกแผนกของโรงพยาบาลเกิดอุปสรรค เพราะผู้บริหารไม่ให้การสนับสนุนเต็มที่ ทำให้การเดินหน้าของโครงการช้าไปบ้าง แต่เมื่อเกิดรุ่นที่ 2 การพัฒนาดีขึ้นมาก เพราะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างแผนกในโรงพยาบาลออกไปสู่ชุมชน โดยเฉพาะวัดที่คิดโครงการงานบุญปลอดเหล้า และเข้ามาขอให้โรงพยาบาลไปช่วยดำเนินการและประเมินผล

         

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการถอดบทเรียนโครงการ sha ผู้ปฏิบัติได้นำผลการดำเนินงานมาเล่าเพื่อเป็นประสบการณ์ เช่น โรงพยาบาลพิจิตร เล่าว่า คุณแม่ตั้งครรภ์แต่เป็นโรคร้าย ซึ่งมีโอกาสเสียชีวิตทั้งแม่และลูก แต่ด้วยความรักและดูแลเอาใจใส่จากทีมงานหน่วยทารกแรกเกิดประสานกับทีมสูตินรีเวช ทีมดูแลผู้ป่วยห้องไอซียู ในที่สุดทั้งแม่และลูกต่างรอดชีวิตเพราะความร่วมมือที่มาจากความตั้งใจของทีมงานทุกคน

 

 

 

 

ที่มา : ไอ.เอ็น.เอ็น.

update : 02-09-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

Shares:
QR Code :
QR Code