สสส.จับธรรมะปราบแอลกอฮอล์และบุหรี่
แนะรับน้องอย่างมีสติสัมปชัญญะ
โครงการรับน้องปลอดเหล้าปี 2552 ซึ่งจัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกลุ่มภาคีเครือข่าย จนสามารถสร้างวัฒนธรรมการรับน้องแบบปลอดไร้ซึ่งแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยล่าสุดได้รับการตอบรับจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศกว่า 155 สถาบัน ร่วมระดมสมองนิสิต
นักศึกษาทุกชั้นปีกว่า 300 คน ผ่านโครงการการอบรมเชิงปฏิบัติการในการจัดทำโครงการฯ เพื่อขอรับทุนสนับสนุนโครงการรับน้องปลอดเหล้าปี 5 โดยหนึ่งในกิจกรรมอุ่นเครื่องที่น่าสนใจและได้รับสาระจากธรรมะในครั้งนี้ คือ การบรรยายธรรมในหัวข้อ “เหล้าไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรียน” โดยพระครูวินัยธรชาติ กิตติธโร และพระมหาสนอง ปัจโจปการี ที่ขนเอาธรรมะเดลิเวอรีสร้างจิตสำนึกในการร่วมปราบบุหรี่และแอลกอฮอล์ ในกิจกรรมรับน้องกันอย่างซาบซึ้ง
พระครูวินัยธรชาติ กิตติธโร กล่าวว่า แอลกอฮอล์ คือบาปที่บ่อนทำลายสังคมและประเทศชาติอย่างรุนแรง โดยอย่างยิ่งพุทธศาสนา เพราะแอลกอฮอล์สามารถทำลายหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าที่มีอยู่ 48,000 ข้อ เพราะเมื่อย่อส่วนลงเหลือ ศีล สมาธิ และสติแล้ว แอลกอฮอล์สามารถทำลายสติ ซึ่งถือว่าเป็นบ่อเกิดของหลักคำสอนทุกข้อได้อย่างสิ้นเชิง ดังนั้น คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ก็เท่ากับเป็นคนขาดสติ จึงเท่ากับเป็นการทำลายและเผาคัมภีร์หลัก
คำสอนทุกๆ ข้อของพระพุทธเจ้า ดังนั้น เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ถือเป็นกำลังสำคัญของชาติ จึงไม่ควรให้แอลกอฮอล์มาทำลายสติ และทำให้ชาติต้องขาดกำลังสำคัญที่เป็นคนรุ่นใหม่ๆ ที่จะมาร่วมกันพัฒนาชาติบ้านเมือง
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมรับน้อง ซึ่งถือเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมานาน เพราะคำว่าประเพณี หมายถึง สิ่งดีๆ ที่สืบทอดกันมา ดังนั้น การนำแอลกอฮอล์และบุหรี่มาใช้ในกิจกรรมรับน้อง ก็เท่ากับทำลายประเพณีที่ดีงาม และสร้างวัฒนธรรมที่ผิดๆ จากรุ่นสู่รุ่น เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “block หรือเบ้าหลอมเป็นกา พิมพ์ก็ออกมาเป็นกา block เป็นหงส์ พิมพ์ก็ออกมาเป็นหงส์” นั้นหมายถึงว่า หากเราเป็นพ่อเป็นแม่ที่เสพสิ่งเสพติด ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่หรือแอลกอฮอล์ ลูกก็จะเอาเป็นเยี่ยงอย่างเช่นกัน ดังนั้น การปลูกฝังให้รุ่นน้องดื่มเหล้าสูบบุหรี่ ก็ถือเป็นการปลูกฝัง และสร้าง block ที่ไม่ดีสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป”
พร้อมกันนี้ พระครูวินัยธรชาติยังฝากข้อคิดไปยังคนรุ่นใหม่ว่า “ในการจะกระทำสิ่งใดๆ ขอให้ยึดมั่นในหลัก 2 ข้อ คือ ก่อนจะทำอะไรต้องมีสติ รวมทั้งขณะที่พูดหรือขณะที่ทำก็ต้องมีสัมปชัญญะ เหมือนคำกล่าวที่ว่า ต้องมีสติอยู่ในสต๊อก จะได้ไม่กลายเป็นคนที่ช็อก และน็อกก่อนหมดสติ (เพราะดื่มสุรา)”
ทางด้านพระมหาสนอง ปัจโจปการี กล่าวว่า อยากให้คนรุ่นใหม่ใช้ความกตัญญูเป็นอาวุธสำคัญในการหลีกเลี่ยงบุหรี่แอลกอฮอล์ และอบายมุขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกตัญญูต่อพ่อแม่ที่เลี้ยงดูส่งเสียให้ร่ำเรียน กตัญญู
ต่อครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอน และกตัญญูต่อประเทศชาติที่จะต้องร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนา เพราะหากยึดมั่นในความกตัญญูก็จะทำให้เราไม่ไปกล้ำกรายกับเหล้าและบุหรี่ และจะเป็นอานิสงส์ที่ช่วยเป็นเกราะป้องกันภัยในทุกๆ ด้าน
“อยากจะฝากไปถึงพ่อแม่ทุกคนที่เลี้ยงลูกด้วยเงิน อยากจะให้หันมาเลี้ยงลูกด้วยความใส่ใจกันมากขึ้น เพราะหากเราเลี้ยงลูกด้วยเงินเพียงอย่างเดียว ลูกๆ ก็จะนำเงินเหล่านั้นไปแปรเป็นวัตถุสิ่งของ แปรเป็นเพื่อน เพราะบางครั้งวัยรุ่นมักจะเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ ดังนั้น ความรักและความเอาใจใส่ และการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับบุตรหลาน จึงถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่าเหนือเงินทอง” พระมหาสนองกล่าวฝากในตอนท้าย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
update 12-05-52