สสส.จอมบึงมาราธอน เปิดเส้นทางประวัติศาสตร์

วิ่งมาราธอน-ปั่นเสือภูเขา รวมพลังคนรักสุขภาพ

 

          “สสส.จอมบึงมาราธอน ปีที่ 24 และ สสส.จอมบึงเสือภูเขา ปีที่ 16″ รายการที่ถูกกล่าวขานกันว่า “ใครไม่เคยวิ่งสนามจอมบึง ไม่ใช่นักวิ่งที่แท้จริง”  กลับมามาอีกครั้ง พร้อมกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ และเชิญชวนคนปอดเหล็กร่วมเปิดถนนสายประวัติศาสตร์ “ถนนจอมบึงมาราธอน” ระหว่างวันที่  17 – 18 ม.ค.นี้ ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง จ.ราชบุรี

 

          พิทักษ์ อาจคุ้มวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง เผยว่า มหาวิทยาลัยได้ร่วมกับองค์กรท้องถิ่นและระดับชาติ จัดกิจกรรมการเดิน วิ่ง และขี่จักรยานเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในด้านการออกกำลังกาย พร้อมกับต้องการรณรงค์ให้เยาวชนและประชาชนตระหนักและเห็นความสำคัญของการมีสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน  โดยการจัดงานในครั้งนี้มีกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพต่างๆ ที่ให้ประชาชนทั่วไป ชุมชนในละแวกใกล้เคียง และการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จ.ราชบุรีได้เตรียมความพร้อมให้การต้อนรับนักวิ่งทุกคนอย่างเต็มที่ ซึ่งการแข่งขันเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ชุมชน รวมถึงเศรษฐกิจของ จ.ราชบุรีให้ดียิ่งขึ้น

 

          ด้าน นายณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ประสานงานแผนออกกำลังกายและกีฬาเพื่อสุขภาพ สสส. และผู้ริเริ่มกิจกรรมจอมบึงมาราธอน-เสือภูเขา กล่าวว่า สสส.ยังมีความยินดีที่จะให้การสนับสนุนการจัดรายการนี้ต่อไป เนื่องจากเป็นต้นแบบในการสร้างเสริมสุขภาพให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการออกกำลังกาย ซึ่งก่อประโยชน์ให้เกิดทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และปัญญา อีกทั้ง การแข่งขัน สสส.จอมบึงมาราธอน และเสือภูเขา เป็นงานที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นที่รู้จักได้รับการยอมรับจากนักวิ่งเพื่อสุขภาพทั่วประเทศ และความพิเศษในปีนี้ได้จัดให้มีพิธีเปิดถนนจอมบึงมาราธอน ถนนสายประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นถนนของนักวิ่งปีละกว่า 5,000 คน ได้ร่วมกันสร้างไว้ นอกจากนี้ ยังได้จัดให้มีการประชุมทางด้านวิชาการของชมรมวิ่งทั่วประเทศอีกด้วย

 

          สำหรับกิจกรรมการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 17 ม.ค. นี้ จะเป็นการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา และในวันอาทิตย์ที่ 18 ม.ค. จะเป็นการแข่งขันวิ่งประเภทมาราธอน ระยะทาง  42.195 กม. ครึ่งมาราธอน ระยะทาง 21.1 กม. มินิมาราธอน ระยะทาง  9 กม. วิ่งครอบครัวระยะทาง 5 กม. และเดินเพื่อสุขภาพระยะทาง 3 กม.

ที่มา: หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์

 

 

 

update 15-01-52