สสส.-กคช.ชวนขยับทั้งชุมชน
นำร่อง 12 เคหะบ้านเอื้อฯ
การสร้างสุขภาพที่ดีด้วยการออกกำลังกาย คงไม่มีใครปฏิเสธว่าเป็นยาวิเศษที่หาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน แต่เกิดได้เพราะแรงขับจากภายใน ซึ่งถือเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเสริมสร้างชีวิตสุขภาวะที่สำคัญ เพราะเมื่อร่างกายได้ขยับ ก็จะส่งผลต่อจิตใจที่แจ่มใส ไม่ต้องหาซื้อ ไม่ต้องสร้างชื่อเสียง เกียรติยศเงินทองให้เหนื่อย เพียงเริ่มทำ ความสุขก็จะเกิด
โดยเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2553 ที่การเคหะแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมทำพิธีลงนามความร่วมมือโครงการเสริมสร้างวิถีชีวิตสุขภาวะของชุมชน “การเคหะ – สสส. ชวนขยับทั้งชุมชน” โดยมีนายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธาน เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยในโครงการของการเคหะแห่งชาติ และบริเวณใกล้เคียง มีกิจกรรมสุขภาวะและสถานที่ที่เหมาะสมต่อการออกกำลังกาย และมีการจัดการชุมชนของตนเองเพื่อเป็นชุมชนต้นแบบสำหรับการเรียนรู้
ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เปิดเผยข้อมูลผลการสำรวจความคิดเห็น “ความต้องการด้านกิจกรรมการออกกำลังกาย ของประชาชนที่อาศัยในชุมชนการเคหะแห่งชาติ” ของแผนงานส่งเสริมการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อสุขภาพ สสส. ร่วมกับ กคช.ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม 2553 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 10 แห่ง อาทิ โครงการเคหะชุมชนร่มเกล้า โครงการบ้านเอื้ออาทรบึงกุ่ม โครงการบ้านเอื้ออาทรสมุทรปราการ ระบุว่าชาวชุมชน 33% ออกกำลังกายเป็นประจำ และประมาณ 67% ออกกำลังกายนานๆ ครั้ง และ 70.40% บอกว่าต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ อีกเกือบ 20% เพื่อได้พบปะพูดคุยกับคนอื่น และโดยส่วนใหญ่เรียกร้องให้มีการจัดสรรพื้นที่และอุปกรณ์กีฬาสนับสนุนในการออกกำลังกาย
จะเห็นได้ว่าในส่วนของผู้ที่นานๆ ครั้งจะมีการออกกำลังกายนั้นยังเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงกว่าผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จึงจำเป็นที่จะต้องเร่งสนับสนุนด้านการบริหารจัดการในชุมชนให้มีการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดี โดยโครงการความร่วมมือดังกล่าวจึงเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนก่อนที่จะขยายไปสู่ภาคใหญ่ โดยมีการนำร่องใน 12 โครงการเคหะ นอกจากนี้ในช่วงเดือนธันวาคม 2554 สสส.จะร่วมจัดกิจกรรมรณรงค์ทั้งประเทศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไปด้วย
ทพ.กฤษดา ยังบอกด้วยว่า การออกกำลังกายที่เกิดขึ้นในชุมชนนั้น เราไม่จำเป็นต้องกำหนดรูปแบบที่ตายตัวว่าจะต้องเป็นการออกกำลังกายแบบใด เพียงขอให้มีการใช้ประยุกต์สิ่งที่มีอยู่ในชุมชนนำมาใช้เป็นเครื่องมือการออกกำลังกายง่ายๆ ก็ได้ เหมือนกับยางยืดชีวิตที่นำยางมาต่อกันแล้วนำมาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการออกกำลังกาย เป็นต้น เพราะความมุ่งหวังเพียงขอให้ทุกคนได้รู้สึกชินกับการออกกำลังกายและให้ความสำคัญกับสุขภาพก็เพียงพอแล้ว
ด้านนายสุชาติ ศิริโยธิพันธุ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า กคช.มีภารกิจสร้างที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพชีวิต ซึ่งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนนั้นย่อมมีความสำคัญ จึงเชื่อว่าโครงการความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นการขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพชุมชนได้เป็นอย่างดี โดยกิจกรรมนี้ทาง สสส.จะใช้งบประมาณ 10 ล้านบาทดำเนินการกับพื้นที่นำร่อง 12 เคหะ และจะมีการประเมินผลเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม กคช.คาดหวังว่าจะพยายามดำเนินการในรูปแบบดังกล่าวให้ได้ปีละ 50 ชุมชน
นางบุญทัน จันเทภา หนึ่งในผู้อยู่อาศัยโครงการบ้านเอื้ออาทรรามอินทรา (คู้บอน) เล่าว่า พื้นที่ในชุมชนจะมีการจัดออกกำลังกายให้กับผู้อยู่อาศัยได้มาร่วมใน 2 ช่วง คือ ช่วงเช้าจะเป็นกิจกรรมรำไทเก๊ก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ส่วนในช่วงเย็นประมาณห้าถึงหกโมงเย็น ก็จะมีเต้นแอโรบิค ที่ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนวัยไหนก็ให้ความสนใจมาร่วมกันมาก จึงอยากฝากไปถึงพื้นที่อื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นพื้นที่นำร่องลองเริ่มจัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ เลือกรูปแบบกีฬาที่เหมาะสมต่อพื้นที่มาให้ผู้อยู่อาศัยได้ร่วมทำ เชื่อว่าจะทำให้เกิดความสุข ได้สุขภาพที่ดีแล้ว ยังเป็นเหมือนการสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อกันในชุมชนอีกด้วย
วันนี้แม้จะมีการนำร่องเพียง 12 แห่งในกลุ่มบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ แต่เชื่อว่ายังคงมีอีกหลายชุมชน/หมู่บ้าน ที่ตื่นตัวและให้ความสำคัญต่อการออกกำลังกาย ซึ่งหากทุกพื้นที่ทั่วประเทศให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต คงไม่ยากเกินไปที่ตัวเลขของผู้มีสุขภาพดีจะเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต
ที่มา : สุนันทา สุขสุมิตร Team Content www.thaihealth.or.th
Update : 16-09-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร