สสค. จัดเวทีเสวนา “เด็กนอกระบบการศึกษา: สถานการณ์และทางออกของปัญหา”
คาดดึงเด็กกลับสู่ ‘ห้องเรียน’ ร่วมแสนคน
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่โรงแรมปรินซ์พาเลซ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัดเวทีเสวนา “เด็กนอกระบบการศึกษา: สถานการณ์และทางออกของปัญหา” พร้อมประกาศสนับสนุนทุน “โครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชนในระดับท้องถิ่น (เทศบาล)” ครั้งที่ 1/2553 เผยข้อมูลล่าสุดจากรายงานสภาวะการศึกษาไทยปี 2550-2551 พบเด็กนอกห้องเรียน สูงถึง 1.7 ล้านคน ส่งผลคุณภาพแรงงานไทยต่ำกว่ามาเลเซียถึง 3 เท่า
ดร.เจือจันทร์ จงสถิตอยู่ อดีตที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนการศึกษา สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) กล่าวว่า จากรายงานสภาวะการศึกษาไทยปี 2550-2551 ของรศ.วิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต พบว่า มีนักเรียนอายุตั้งแต่ 3-17 ปี จำนวนมากถึง 1.7 ล้านคนที่อยู่นอกระบบการศึกษา โดยมี 2 กลุ่มใหญ่ที่น่าจับตามอง คือ กลุ่มนักเรียนในระดับประถมศึกษา และรองลงมาคือ กลุ่มมัธยมศึกษา ที่ออกนอกระบบการศึกษาสูงสุด ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ 2549 ที่สะท้อนให้เห็นว่าประชากรไทยวัยแรงงานมีจำนวนผู้จบการศึกษาต่ำกว่าระดับประถมศึกษา มากถึง 67% ส่งผลให้แรงงานไทยมีระดับผลิตภาพต่ำกว่าแรงงานมาเลเซียร่วม 3 เท่า
ดร.เจือจันทร์ กล่าวว่า การดึงเด็กนอกระบบการศึกษาเข้าสู่การเรียนรู้อีกครั้งจะช่วยแก้ปัญหาคุณภาพแรงงานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ปัญหาเรื่องเด็กยากจน เด็กไร้ครอบครัว เด็กพิการ เด็กเร่ร่อน เด็กที่กำเนิดจากคนต่างด้าว เด็กที่หนีหรือหลุดรอดออกจากโรงเรียน หรือแม้แต่เด็กที่มีชื่ออยู่กับสถานศึกษาแต่ในความเป็นจริงไม่มีโอกาสได้เรียนให้น้อยลง เพื่อพัฒนาให้เด็กเยาวชนมีสุขภาวะทางร่างกาย และปัญญาที่สมบูรณ์อย่างยั่งยืน
นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสสค. กล่าวว่า หลังจากสสค.เปิดให้การสนับสนุนทุนในรอบแรกไปกับกลุ่มโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศรวม 207 โรงเรียน จาก 1,139 โรงเรียนที่ผ่านการพิจารณา พบว่า หนึ่งในปัญหาสำคัญที่พบคือ จำนวนเด็กนอกห้องเรียน ที่ตกหล่นไปจากระบบการศึกษาไทย ส่วนหนึ่งเพราะยังไม่มีหน่วยงานที่เข้ามาประสานโดยตรง
“การเปิดโครงการส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชนในระดับท้องถิ่น (เทศบาล)” ครั้งที่ 1/2553 จึงเป็นความพยายามของ สสค.ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการที่จะประสานให้ส่วนต่างๆ ตั้งแต่องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) หน่วยงานเอกชน และสังคม ตระหนักถึงปัญหา “เด็กนอกระบบ” ที่มีร่วม 1.7 ล้านคน ผ่านการพัฒนาองค์ความรู้และระบบกลไกท้องถิ่น หน่วยการศึกษา เพื่อดึงเด็กนอกระบบกลับเข้ามาสู่การเรียนรู้อีกครั้ง โดยเน้นการพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนท้องถิ่น และการจัดระบบงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมคุณภาพการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในท้องถิ่น และเพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ของสังคมร่วมกันทั้งระบบ ซึ่งคาดว่าจะครอบคลุมประมาณ 15-20 เทศบาล เทศบาลละ 5,000 คน และเด็กนอกระบบร่วมแสนคน” นพ.สุภกร กล่าว
นายโกสินทร์ ไพศาลศิลป์ นายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง กล่าวว่า ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษาในขณะนี้คือยังขาดเจ้าภาพที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา ซึ่งพบว่าหน่วยงานที่ใกล้ชิดกับเด็กมากที่สุดคือ ท้องถิ่น ดังนั้นท้องถิ่นและเทศบาลควรจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการปัญหา ซึ่งจากกรณีตัวอย่างการทำงานร่วมกันของท้องถิ่นและโรงเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษาของโรงเรียนปลายข้าว ได้ใช้วิธีการเรียนการสอนแบบปฏิบัติจริง เน้นหลักคุณธรรมและความเมตตา เพราะเชื่อว่า การสร้างเด็กดี แม้อาจเรียนไม่เก่ง แต่พวกเขาจะไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน และมองว่า สสค.น่าจะเป็นโรงพยาบาลการศึกษา ที่มีหน่วยงานที่คอยวิจัยโรคการเรียนรู้ เพื่อจะได้ให้ยาแก้ที่ตรงจุด
ซึ่งต้องอาศัยการสร้างและประสานให้สังคมเกิดความตระหนักในเรื่องการศึกษา ขณะเดียวกันก็จุดประเด็นความต้องการทางการศึกษาที่ตกหล่น พร้อมๆ กับการเป็นพี่เลี้ยงให้กับโรงเรียนที่ยังไม่พร้อม และย้ำว่า การพัฒนาระบบทั้งในส่วนท้องถิ่น และส่วนกลาง ต้องเคลื่อนไหวไปด้วยกัน เพื่อทำให้เกิดการพัฒนาด้านการศึกษาทั่วประเทศ
ดร.ชัยยศ อิ่มสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย กล่าวว่า สำหรับบทบาทของกศน.ในการแก้ไขเด็กนอกห้องเรียนคือการส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตอบสนองความต้องการและความสนใจของผู้เรียน ซึ่งถือเป็นการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้เด็กสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติได้จริงในชีวิต เช่น วิธีการเลี้ยงกบ การปลูกผักทำไร่ ทั้งนี้ กศน. จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับท้องถิ่น โดยเป็นแหล่งให้การสนับสนุนด้านความรู้ และหากมีหน่วยงานจาก สสค. มาจัดระบบกระบวนการการเรียนรู้ให้เกิดการถ่ายทอดที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณตรงมาที่ท้องถิ่นจะทำให้เกิดการขับเคลื่อนทั้งระบบได้โดยตรง
ที่มา: สำนักข่าว สสส.
Update: 25-08-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ