สร้างภูมิสุขภาพทั้งใจ-กาย

ลดความเสี่ยง สูงไม่ได้มาตรฐาน‘ !!

 

สร้างภูมิสุขภาพทั้งใจ-กาย 

ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความกังวลในเรื่องส่วนสูง โดยเฉพาะ วัยรุ่น เพราะคงไม่มีใครอยากเกิดมาได้ชื่อว่าเป็น คนเตี้ย ทำให้ผู้ที่เข้าข่ายเริ่มรู้สึกว่า ส่วนสูงที่ไม่ปกติของตนเป็นปมด้อยในชีวิต หลายคนหาทางออกด้วยวิธีต่าง ๆ นานา…เพื่อลบปมด้อยนี้

   

โดยปกติแล้วการเจริญเติบโตของแต่ละคน แต่ละช่วงวัยจะไม่เท่ากัน เริ่มตั้งแต่ ปัจจัยเรื่องของกรรมพันธุ์ ภาวการณ์เจริญเติบโตตั้งแต่อยู่ในครรภ์และหลังคลอด รวมทั้งช่วงของการเจริญเติบโตของหญิงและชายก็ไม่เท่ากัน ด้วยเหตุนี้ทำให้แต่ละคนมีส่วนสูงที่แตกต่างกัน

   

นพ.สัญชัย เชื้อสีห์แก้ว กุมารแพทย์โรคต่อมไร้ท่อและ เมตาบอลิซึม โรงพยาบาลเวชธานี อธิบายเกี่ยวกับเรื่องของส่วนสูงให้ฟังว่า โดยปกติเด็กแรกเกิดการเจริญเติบโตของเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายจะไม่ค่อยแตกต่างกัน จะเริ่มแตกต่างกันในช่วงวัยรุ่นโดยเด็กผู้หญิงจะโตเร็วกว่าเด็กผู้ชาย

   

ในเรื่องของส่วนสูงเมื่อคลอดออกมาแล้วจะมีความสูงประมาณ 50 เซนติเมตร หลังจากนั้น ในขวบปีแรกอัตราความสูงจะเพิ่ม 25 เซนติเมตร เป็น 75 เซนติเมตร หากเด็กเมื่ออายุ 1 ขวบไปแล้ว แต่มีส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 25 เซนติเมตร แสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น หรือเด็กที่เข้าโรงเรียนซึ่งจะมีอายุประมาณ 4 ขวบ จะต้องสูงขึ้นอย่างน้อย 6-7 เซนติเมตร เมื่ออายุ 4-10 ขวบ เด็กหญิงจะสูงขึ้นประมาณ 4-12 เซนติเมตร ส่วนเด็กชายสูงประมาณ 5 เซนติเมตรต่อ  ปี และเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นจะสูงประมาณ 7-8 เซนติเมตรต่อปี

   

ปัจจัยที่ทำให้คนเราสูงไม่เท่ากัน เกิดจากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุแรกมาจากกรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลัก ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ เช่น เด็กเป็นเด็กปกติ แต่มีประวัติ พ่อ แม่ หรือปู่ ย่า ตา ยาย เตี้ย ลูกก็จะเกิดมาเตี้ยด้วย เพราะกรรมพันธุ์ เป็นตัวกำหนดโครงสร้างพื้นฐานของลูกหลานให้มีแนวโน้มที่จะไปในทิศทางเดียวกัน

   

รวมทั้ง พ่อ แม่ เป็นหนุ่ม เป็นสาวช้า เช่น ฝ่ายหญิงโดยปกติทั่วไปจะมีประจำเดือนตอนอายุ 12-13 ปี สำหรับกลุ่มที่เป็นสาวช้าจะมีประจำเดือนหลังอายุ 14 ปี ไปแล้ว หรือฝ่าย ชายมีประวัติว่าเป็นหนุ่มช้า ตัว  เล็ก แล้วค่อยมาโตขึ้นทีหลังเมื่อตอนอยู่มัธยมปลายไปแล้วในช่วงอายุ 15-16 ปี จึงจะเริ่มโต ทำให้ลูกมีโอกาสที่จะเตี้ยได้

   

อีกทั้ง สิ่งแวดล้อม ในส่วนของภาวะโภชนาการ คือ เด็กได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ ไม่ครบ 5 หมู่ ทำให้เด็กขาดสารอาหารส่งผลให้เจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่

   

รวมถึง เด็กที่ขาดความอบอุ่นในการเลี้ยงดู เช่น พ่อ แม่ หย่าร้างกัน หรือทะเลาะกันให้ลูกเห็นทุกวัน มีผลทำให้เด็กขาด โกรท ฮอร์โมนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโต ทำให้เด็กโตช้า แคระแกร็น และส่งผลให้ความสูงไม่เพิ่มขึ้นตามมา

   

ตลอดจน การเจ็บป่วย โรคต่าง ๆ ที่เรื้อรังในเด็ก เช่น เด็กที่เป็นภูมิแพ้ อาทิ หอบ หืด โรคเลือด โรคไต โรคหัวใจ ทำให้เด็กป่วยบ่อย เกิดการเจริญ เติบโตไม่เต็มที่ โดยจะเห็นได้ว่าทั้ง อาหารและสภาวะทางด้านอารมณ์ จิตใจ ส่งผลถึงการเจริญเติบโตของเด็กทั้งสิ้น

   

การคำนวณความสูงว่าคนคนหนึ่งควรจะสูงเท่าไร สามารถคำนวณได้โดย ถ้าเป็น เด็กผู้ชายให้เอาความสูงของพ่อ บวก ความสูงของแม่ แล้วบวกด้วย 13 จากนั้น หารด้วย 2 จะได้ความสูงของเด็กผู้ชายคนนั้นที่ควรจะเป็น สำหรับ เด็กผู้หญิง ให้เอาความสูงของพ่อ บวก ความสูงของแม่ แล้วลบด้วย 13 จากนั้น หารด้วย 2 ก็จะได้ความสูงของเด็กผู้หญิงคนนั้น  ที่ควรจะเป็น

   

จะเห็นได้ว่าภาวะโภชนาการเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่ง  ในการเจริญเติบโตของเด็ก นอกเหนือจากกรรมพันธุ์ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะต้องเริ่มตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์ หลังคลอด ช่วงวัยเด็ก รวมทั้งในขณะที่ก้าวเข้าสู่วัยรุ่น หากกินโดยไม่เกิดความสมดุลกับร่างกายก็จะไปรบกวนการเจริญเติบโตได้

    

วิธีธรรมชาติที่จะทำให้ส่วนสูงเพิ่มขึ้นมาได้นั้น มาจาก การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่างเพียงพอ เน้นจำพวกโปรตีน เนื้อ นม ไข่ ยกเว้น เนื้อไก่ อย่าทานมากโดยเฉพาะในเด็กผู้หญิง เพราะมีเด็กผู้หญิงมาหาหมอเพราะมีประจำเดือนเร็วกว่าปกติ มีตอนอายุ 9-10 ขวบ ซักประวัติพบว่า เด็กชอบกินเนื้อไก่เป็นประจำ เนื่องจากบางครั้งเนื้อไก่อาจมีสารฮอร์โมนที่เร่งเนื้อ เร่งไข่ปนอยู่

   

โดยเฉพาะแคลเซียม เพราะเป็นสิ่งจำเป็น เด็กที่กำลังเจริญเติบโตต้องการสะสมแคล เซียมเพื่อนำไปใช้ในการป้องกันภาวะกระดูกพรุน ซึ่ง ช่วงที่ สะสมแคลเซียมได้ดี คือช่วงอายุก่อนถึง 30 ปี โดยจะสะสมประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ แล้วจะไปหยุดสะสมเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไปแล้ว ซึ่งแคลเซียมจะได้จาก ผัก ชีส โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย ถั่ว งา และโดยเฉพาะนม ที่มีปริมาณแคลเซียมมาก ซึ่งเด็กปกติทั่วไปควรดื่มนมวันละ 3-4 แก้ว โดยให้  ร่างกายได้รับแคลเซียมประมาณ 1 กรัม ต่อวัน

   

รวมทั้ง การออกกำลังกาย ที่มีส่วนทำให้มีส่วนสูงเพิ่มขึ้น คือ การออกกำลังกายที่ไปกระตุ้น แขน ขา ให้มีการเคลื่อนไหว โดย แขน ขา นั้น มีการต้านแรงโน้มถ่วง เช่น การกระโดดเชือก การเล่นแบดมินตัน เทนนิส โดยจะต้องออกกำลังกายครั้งละครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง อาทิตย์ละประมาณ 3-4 ครั้ง เป็นประจำ

   

ตลอดจน การพักผ่อนอย่างเพียงพอ เนื่องจากมีฮอร์โมนที่สำคัญต่อการเจริญเติบโต คือ โกรท ฮอร์โมน ที่จะกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก ทำ ให้กระดูกขยายตัวสูงขึ้น โดย ร่างกายจะผลิตอย่างเต็มที่หาก  ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ  โดย วัยเด็กจนก้าวเข้าสู่วัยรุ่น  จึงควรนอนแต่หัวค่ำเพราะโกรท ฮอร์โมนจะออกมาในช่วงนั้น เพื่อให้ฮอร์โมนชนิดนี้ผลิตได้อย่างเต็มที่ รวมทั้ง ต้องไม่เครียด เพราะความเครียดจะไปกดโกรท ฮอร์โมน ให้ออกมาน้อยลง

    

พ่อแม่จึงควรจะเอาใจใส่ลูกในทุก ๆ เรื่อง โดยสังเกตเรื่องความสูงได้จากเมื่อเวลาไปฉีดวัคซีน ต้องสอบถามหมอด้วยว่า ลูกมีการเจริญเติบโตเป็นอย่างไร มีส่วนสูงเป็นไปตามเกณฑ์ปกติหรือไม่ และหากดูแลเรื่องโภชนาการ การออกกำลังกาย อย่างถูกต้องตามช่วงอายุแล้ว เด็กจะสามารถสูงตามมาตรฐานได้.

  

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

 

 

Update:01-02-53

 

Shares:
QR Code :
QR Code