สภาไทยได้ฤกษ์เปิดศูนย์ลดพุง…ในองค์กรนิติบัญญัติ

หวังลดพุงบุคลากรรัฐสภา

 

 

         (14 ต.ค.) นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือ และเปิดศูนย์สร้างเสริมสุขภาพในองค์กรนิติบัญญัติ ซึ่งจัดตั้งขึ้นที่รัฐสภา จัดขึ้นโดยคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กระทรวงสาธารณสุข องค์การอนามัยโลก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นช่องทางให้บุคลากรในรัฐสภาสื่อสารและเป็นศูนย์กลางการประสานงาน การให้ความรู้ คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพ ตลอดจนติดตามความก้าวหน้าและขับเคลื่อนกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ

 

         นายชรินทร์ แช่มสาคร หัวหน้าโครงการสร้างเสริมสุขภาพในองค์กรนิติบัญญัติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า สสส.ยังร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดรับสมัครสมาชิกรัฐสภา ข้าราชการ และสื่อมวลชน เข้าโครงการลดพุง ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องการสร้างเสริมสุขภาพที่จะจัดต่อเนื่องต่อโดยจะมีการรับสมัคร ส.ส.และ ส.ว.จำนวน 50 คน เจ้าหน้าที่ 50 คน และสื่อมวลชน จำนวน 20 คนเท่านั้นในระหว่าง  วันที่ 14-16,19 ต.ค.นี้ที่บูธ “ศูนย์สร้างเสริมสุขภาพ” โดยผู้ได้รับคัดเลือกจะได้รับเครื่องนับก้าวเดิน อุปกรณ์เสริมออกกำลังกาย เพื่อลดอัตราเสี่ยง เบาเหวาน หัวใจและความดัน เสื้อลดน้ำหนัก คู่มือไขความลับจากคนเคยอ้วน และคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลรามาธิบดี ทั้งนี้จะมีการติดตามประเมินผลเป็นระยะๆจากคณะแพทย์เพื่อทำการอบรมผู้เข้าคอร์สดังกล่าวในวันที่ 29 ต.ค. วันที่ 11 พ.ย.และวันที่ 25 พ.ย.52 นี้

 

            นายชรินทร์ กล่าวต่อว่า สำหรับคอร์สลดพุง ครั้งนี้จะเป็นการปฏิบัติการ 3 ขั้นตอน เริ่มจากตรวจวัดไขมันและมวลสารในร่างกายด้วยเครื่อง inbody ปฏิบัติการ “มหันตภัยจากความอ้วนที่คุณคาดไม่ถึง” พบคุณหมอเพื่อแนะนำเคล็ดลัดลดน้ำหนัก จากนั้นเป็นแผนการปฏิบัติการขึ้นที่ 2 “กินอย่างไร ให้หุ่นสวย” เป็นการให้ความรู้เรื่อง “เมนูอาหาร”ที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน และ ปฏิบัติการขึ้นที่ 3 ex ex_exercise แนะเทคนิคการออกกำลังกายที่เหมาะสมในแต่ละวัยและเทคนิคการควบคุมอารมณ์เพื่อควบคุมน้ำหนักอย่างถาวร

 

ซึ่งในงานดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมกิจกรรมด้านสาธารณสุข

โดยการวัดความดัน ปรากฏว่า นายกฯ มีความดันอยู่ที่ 140/90 นอกจากนั้นนายกฯ ยังได้ร่วมออกแบบสอบถามทดสอบความสุข 15 ข้อ โดยเป็นคำถามเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต และการบริหารจัดการความเครียด ผลทดสอบพบว่า อยู่ในระดับ คือมีความเครียดปกติถึงเล็กน้อย

 

โดย นพ.ฆนัท ครุฑกูล กรรมการเครือข่ายคนไทยไร้พุง สสส. กล่าวถึงผลการตรวจสุขภาพของนายกรัฐมนตรีว่า ระดับความดันของนายกฯอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนระดับความสุขซึ่งแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ความสุขน้อย ปกติ และมาก พบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติเท่ากับคนทั่วไป สำหรับการวัดระดับความเครียดพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจมีความเครียดบ้างเล็กน้อยไม่ต่างจากบุคคลทั่วไป ทั้งนี้จากการสอบถามนายกฯถึงแนวทางปฏิบัติเมื่อเผชิญกับความเครียดพบว่า ครอบครัวนายกฯจะคอยให้กำลังใจในการฟันฝ่าอุปสรรคและจัดการกับความเครียด รวมทั้งการไม่นำความเครียดจากที่ทำงานกลับมาที่บ้าน ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการความเครียด เพราะหากนำความเครียดจากการทำงานมาโยงกับเรื่องส่วนตัวจะก่อให้เกิดภาวะความเครียดที่ต่อเนื่อง

 

          นพ.ฆนัท กล่าวว่า ความเครียดสามารถจัดการได้ ด้วยการแยกส่วนระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัว ถ้าหากงานหนักก็ไม่ควรแบกไว้เพราะไม่ช่วยให้ความเครียดหายไปได้ ซึ่งแต่ละคนมีวิธีการจัดการความเครียดที่ต่างกัน โดยสิ่งที่ดีที่สุดคือการมีกำลังใจ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานประสบความสำเร็จ หากมีความเครียดพยายามหางานอดิเรกอย่างอื่นทำ เพื่อไม่ให้คิดหรือพะวงกับเรื่องที่เป็นปัญหา แต่กรณีที่มีความเครียดมากอาจต้องพบจิตแพทย์ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะหากทิ้งไว้นานจะส่งผลต่อระบบความดันเลือดและหัวใจ

 บรรยากาศภายในงาน

 

 

 

 

 

 

ที่มา : team content www.thaihealth.or.th

 

 

update 14-10-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : ภราดร เดชสาร