สภาฯ-เครือข่ายประชาชนหนุน ‘กม.ออม’

 อุ้มคนนอกระบบ

 

สภาฯ-เครือข่ายประชาชนหนุน ‘กม.ออม’

 

            ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เครือข่ายบำนาญประชาชน จัดสัมมนาทางวิชาการ เรื่อง “ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กับการสร้างระบบบำนาญพื้นฐานที่เป็นจริง” เพื่อช่วยสร้างหลักประกันทางการเงินในยามชราให้กับกลุ่มแรงงานนอกระบบที่ไม่มีหลักประกันทางรายได้เหมือนกลุ่มข้าราชการ หรือลูกจ้างเอกชนที่เป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคมที่มีจำนวนอยู่ประมาณ 23.5 ล้านคน (ประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรไทย 67.3 ล้านคน) ได้มีโอกาสมีโครงการบำนาญสูงอายุสำหรับหลักประกันด้านรายได้ในยามชราภาพของตนเอง ด้วยการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติ โดยฝากเงินผ่านกองทุนโดยประชาชนเป็นผู้ออมและรัฐบาลเป็นผู้สมทบ เมื่ออายุครบ 60 ปีจะได้เงินบำนาญการจัดเงินสมทบ จัดแบ่งเป็น อายุต่ำกว่า 20 ปีรัฐไม่จ่ายสมทบ อายุ 20-30 ปีรัฐสมทบ 50 บาท/เดือน อายุ 30-50 ปีรัฐสมทบ 80 บาท/เดือน และ อายุ 50-60 ปีรัฐสมทบ 100 บาท/เดือน เมื่อสมทบจนอายุครบ 60 ปี รัฐจะจ่ายคืนเป็นบำนาญไปจนกระทั่งเสียชีวิต โดยกฎหมายฉบับนี้เปรียบได้กับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของภาคเอกชน

 

            ท.พ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผอ.สำนักสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะและลดปัจจัยเสี่ยงรอง สสส. กล่าวว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้มีเป้าหมายเพื่อปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนหันมาดูแลตัวเอง และสนใจกับอนาคตเมื่อเข้าวัยชรา เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมที่มีประชากรวัยชรา (ประมาณ 7.3 ล้านคน) เหมือนสังคมประเทศสิงคโปร์ การมีกองทุนการออมขณะที่ยังมีกำลังทำงานถือเป็นเรื่องดี ทำให้เกิดเงินออมระยะยาวสำหรับตัวเอง โดยมีรัฐบาลสมทบเข้ามาเพื่อใช้เป็นบำนาญเมื่อพ้นวัยทำงาน เหมือนเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับอนาคตตัวเองด้วยตัวเอง เรียกว่าเป็นหลักประกันรายได้ให้ผู้สูงอายุมีชีวิตในอนาคตที่มั่นคงยิ่งขึ้น สสส.เองทำงานเรื่องนี้มา 2-3 ปี โดยการรวบรวมความรู้และนำประสบการณ์จากต่างประเทศมาเป็นตัวอย่าง แล้วเอามาทำเป็นงานวิชาการเพื่อสนับสนุนและให้ภาคประชาชนมาช่วยออกแบบจนนำมาเป็นร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ

 

            นายสถาพร มณีรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงานฯ กล่าวว่า สาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.นี้จะช่วยให้ผู้ที่อายุครบ 60 ปีได้รับเงินเป็นรายเดือน จะช่วยให้คนที่อยู่นอกระบบและไม่ได้ทำประกันสังคมมีประสิทธิภาพที่ดีหลังวัยเกษียณอายุ โดยจะแยกออกมาคนละส่วนกับระบบการประกันสังคม และปัจจุบันคนในระบบที่ทำประกันสังคมมีเพียง 13% หากคนนอกระบบเข้ามาในระบบได้ถึงครึ่งหนึ่งของส่วนที่อยู่นอกระบบจะเป็นการรองรับให้ชีวิตประชาชนดีขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยชรา ทำให้ผู้สูงอายุมีหลักประกันให้กับชีวิต

 

            นายเอนก จิรจิตอาทร เครือข่ายบำนาญประชาชน กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ภาคประชาชนต่างกับของรัฐบาลที่จะให้มีการถอนออกมาได้เงินหลังเกษียณอายุเป็นเงินบำเหน็จ แต่สิ่งที่ประชาชนต้องการคือไม่ให้มีการถอนจะให้รับเป็นเงินบำนาญเพราะต้องการให้ผู้สูงอายุมีหลักประกันที่มั่นคง เพราะมีคนชราถูกปล่อยทิ้งลูกหลานไม่เหลียวแลทำให้เกิดภาพขอรับเงินบริจาคช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.นี้ยังเปิดกว้างให้ทั้งคนในระบบและนอกระบบสามารถทำได้ ยกเว้นข้าราชการ หากคนที่ทำประกันสังคมมีกำลังพอที่จะจ่ายทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปได้ การที่เปิดกว้างให้เข้าถึงสิทธิตรงนี้เพื่อต้องการให้ครอบคลุม เพราะต้องการให้ประชาชนมีหลักประกันที่มั่นคงหลังเกษียณอายุ

 

            น.ส.สุปาณี จันทรมาศ ผู้อำนวยการส่วนนโยบายระบบการออม สำนักนโยบายการออมและการลงทุน สำนักเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานในระบบอยู่แค่ 4.11 ล้านคน อีกกว่า 19 ล้านคน ยังไม่อยู่ในระบบ กองทุนการออมนี้เป็นการสร้างวินัยในการออม ไม่เหมือนเป็นการช่วยเหลือเบี้ยยังชีพสำหรับวัยชรา กองทุนการออมเป็นเหมือนองค์กรอิสระที่ดูแลเรื่องบำนาญของประชาชน พร้อมทั้งมีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

 

 

update : 02-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย :  ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

Shares:
QR Code :
QR Code