สธ.เฝ้าระวัง 5 โรคระบาดหนักฤดูร้อน ม.ค.ป่วย 6 หมื่นคน

 

สธ.เฝ้าระวัง 5 โรคระบาดหนักฤดูร้อน ม.ค.ป่วย 6 หมื่นคน

สธ.เฝ้าระวัง 5 โรคระบาดหนักช่วงหน้าร้อน ขอให้ประชาชนดูแลความสะอาดของอาหาร น้ำดื่ม ภาชนะใส่อาหาร ใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ กำจัดขยะมูลฝอย เผยเฉพาะเดือน ม.ค.พบผู้ป่วยแล้ว 6 หมื่นกว่าราย

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ว่า ช่วงหน้าแล้งเหมาะต่อการเจริญเติบโตและแพร่ระบาดเชื้อโรคหลายชนิด อาจเกิดการระบาดของโรคติดต่อต่างๆที่พบบ่อยมีผู้ป่วยทุกปี คือโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ซึ่งมี 5 โรค คือ โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษบิด ไข้ไทฟอยด์ หรือไข้รากสาดน้อย และโรคอหิวาตกโรค ที่น่าเป็นห่วงอีกอย่างคือ

อาจเกิดไฟป่าเพิ่มปัญหาหมอกละอองควันไฟรุนแรงขึ้นใน 8 จังหวัดภาคเหนือ คือ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยาแพร่ น่าน จ.แม่ฮ่องสอน

สำหรับการป้องกันโรคหน้าร้อนนั้นได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) ทั่วประเทศ ดำเนินการ 4 เรื่อง ได้แก่1.เฝ้าระวังโรคในพื้นที่ หากพบผู้ป่วยเกิดขึ้นให้รีบดำเนินการควบคุมป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาด 2.ให้ดูแลควบคุมมาตรฐานน้ำประปา โรงงานผลิตน้ำดื่มบรรจุขวด โรงงานผลิตน้ำแข็ง 3.ดูแลกวดขันความสะอาดโรงอาหารโรงเรียน ร้านอาหารแผงลอยจำหน่ายอาหารและตลาดสด ขอความร่วมมือผู้ประกอบการดูแลความสะอาดส้วมสาธารณะต่างๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน และ4.ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้จักอาการของโรค การปฏิบัติตัวที่จะไม่ให้ป่วย และขอความร่วมมือให้การดูแลความสะอาดห้องส้วมและห้องครัว

ด้าน นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ.กล่าวว่า โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เป็นโรคที่พบบ่อยรองจากไข้หวัด โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายด้วยการทานอาหาร หรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป ในเดือนแรกของปี 2555 มีรายงานผู้ป่วยทั้ง 5 โรค รวม 63,152 รายเสียชีวิต 2 ราย โรคที่พบมากอันดับ 1 คืออุจจาระร่วง 57,592 ราย เสียชีวิตทั้ง 2 รายซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี และผู้สูงอายุ 65 ปีรองลงมาคือ โรคอาหารเป็นพิษ 4,815 ราย

โรคบิด 453 ราย ไทฟอยด์ 63 ราย และโรคอหิวาตกโรค 2 ราย ขณะที่ตลอดปี 2554 มีรายงานผู้ป่วยจาก 5 โรคดังกล่าว รวม1,412,803 ราย เสียชีวิตไป 64 ราย

ส่วนการป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นโรคติดต่อทางอาหารและน้ำนั้น ปลัด สธ.กล่าวว่า ขอให้ประชาชนดูแลความสะอาดของอาหาร น้ำดื่ม ภาชนะใส่อาหาร ใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ กำจัดขยะมูลฝอย แยกเขียงและมีดหั่นอาหาร ดิบกับอาหารสุก และให้ยึดหลักปฏิบัติ คือ 1.กินร้อน โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุกและปรุงเสร็จใหม่ๆ หากเป็นอาหารข้ามมื้อให้อุ่นให้ร้อน หรือเดือดก่อน 2.ใช้ช้อนกลางตักอาหาร และ 3.ให้ล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งหลังใช้ห้องส้วมและก่อนรับประทานอาหาร หรือก่อนเตรียมนมให้เด็กทุกครั้ง

ขณะที่ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคติดต่อทางอาหารและน้ำ แม้จะมีสาเหตุเกิดโรคต่างกัน แต่การติดต่อคล้ายคลึงกันคือ เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนเข้าไป เช่น อาหารปรุงสุกๆ ดิบๆ เช่น ลาบ ก้อย หรืออาหารที่มีแมลงวันตอม หรืออาหารที่ทำไว้ล่วงหน้านานๆ โดยไม่ได้แช่เย็นและไม่ได้อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน หากเป็นผู้ปรุงอาหาร หรือเสิร์ฟอาหาร จะมีโอกาสแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้มาก

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า

Shares:
QR Code :
QR Code