สถานการณ์อุทกภัยใน 8 จ.ใต้-ถนน 14 สายห้ามสัญจร
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้รวม 8 จังหวัด 80 อำเภอ 536ตำบล 3,464 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 257,786 ครัวเรือน 716,110 คน ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง ชุมพร สงขลา กระบี่ และจังหวัดพังงา บ้านเรือนราษฎรเสียหายทั้งหลัง 4 หลัง บางส่วน 132 หลัง ถนน 1,483 สาย มีผู้เสียชีวิต 11 ราย (จ.นครศรีธรรมราช 7 ราย จ.พัทลุง 1 ราย จ.สุราษฎร์ธานี 3 ราย)
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้รวม 8 จังหวัด 80 อำเภอ 536ตำบล 3,464 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 257,786 ครัวเรือน 716,110 คน ดังนี้
นครศรีธรรมราช น้ำท่วมในพื้นที่ 23 อำเภอ 159 ตำบล 1,285 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 89,351 ครัวเรือน 276,074 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 150,049 ไร่ มีผู้เสียชีวิต 7 ราย มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 300,000,000 บาท ได้แก่ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ลานสกา ร่อนพิบูลย์ พระพรหม พิปูน เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร จุฬาภรณ์ ชะอวด ขนอม สิชล นบพิตำ ปากพนัง พรหมคีรี ท่าศาลา ถ้ำพรรณรา ช้างกลาง เชียรใหญ่ ฉวาง นาบอน ทุ่งใหญ่ ทุ่งสง และบางขัน
พัทลุง น้ำท่วมพื้นที่ 11 อำเภอ 63 ตำบล 583 หมู่บ้าน 45 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 44,508 ครัวเรือน 176,669 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 40,754 ไร่ ถนน 38 สาย ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง เขาชัยสน ควนขนุน กงหรา ศรีบรรพต บางแก้ว ป่าพะยอม ศรีนครรินทร์ ป่าบอน ตะโหมด และปากพยูน
สุราษฎร์ธานี เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 17 อำเภอ 106 ตำบล 767 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 53,651 ครัวเรือน 199,790 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 157,992 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 6,800,000 บาท มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้แก่ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ดอนสัก กาญจนประดิษฐ์ ไชยา เวียงสระ ท่าชนะ บ้านนาสาร บ้านนาเดิม คีรีรัฐนิคม เกาะสมุย วิภาวดี พุนพิน ท่าฉาง พระแสง เกาะพะงัน พนม และบ้านขุนตา
ตรัง เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 5 อำเภอ 34 ตำบล 166 หมู่บ้าน และ 3 เทศบาล ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,256 ครัวเรือน 7,080 คน ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด รัษฎา นาโยง และย่านตาขาว
ชุมพร เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 7 อำเภอ 1 เทศบาลเมือง 40 ตำบล 381 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 18,684 ครัวเรือน 55,385 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 1,242 ไร่ มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 30,904,000 บาท ได้แก่ อำเภอเมืองชุมพร สวี หลังสวน ละแม พะโต๊ะ ทุ่งตะโก และปะทิว
สงขลา เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ 14 ตำบล 73 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 9,375 ครัวเรือน 28,144 คน ได้แก่ อำเภอระโนด และกระแสสินธุ์
กระบี่ เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 7 อำเภอ 37 ตำบล 209 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 3,260 ครัวเรือน 9,785 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 150 ไร่ ได้แก่ อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม ลำทับ เกาะลันตา เหนือคลอง คลองท่อม และอ่าวลึก
พังงา เกิดน้ำท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ 43 ตำบล ได้แก่ อำเภอเมืองพังงา เกาะยาว ตะกั่วทุ่ง ท้ายเหมือง คุระบุรี ตะกั่วป่า ทับปุด และกะปง
สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานความร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย จัดส่งเรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ เรือ HDPE พร้อมไม้พาย เรือไฟเบอร์กลาส เรือยาง เครื่องเรือหางยาว เครื่องเรือเร็ว รถบรรทุก น น้ำดื่ม ถุงยังชีพ พร้อมเจ้าหน้าที่ชุด ERT สนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว ตลอดจนจัดเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ สุดท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมขังเส้นทางจราจรไม่สามารถสัญจรผ่านได้ รวม 14 สาย ใน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช 4 สาย ตรัง 2 สาย สุราษฎร์ธานี 7 สาย และระนอง 1 สาย พร้อมเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงการสัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว โดยแนะให้ไปใช้เส้นทางอื่น ดังนี้
นครศรีธรรมราช 4 สาย ได้แก่
สาย 4141 หน้าทับ-ทินหงส์ ท้องที่อำเภอท่าศาลา น้ำท่วมสูง 70 ซม. ที่ กม. 0-5 เป็นแห่งๆ ให้ใช้เส้นทางสาย 41 ตอนท่าศาลา-พระพรหม แทน
สาย 4186 โรงเหล็ก-กรุงชิง ท้องที่อำเภอนบพิตำ น้ำท่วมสูง 70 ซม. ที่ กม. 1-2 ไม่มีสายทางทดแทน
โรงเหล็ก-กรุงชิง ท้องที่อำเภอนบพิตำ คอสะพานชำรุด ที่ กม. 1 ไม่มีสายทดแทน
โรงเหล็ก-กรุงชิง ท้องที่อำเภอนบพิตำ สะพานขาด ที่ กม. 5 ไม่มีสายทางทดแทน
สาย 4189 ท่าพุด-เขาหลวง ท้องที่อำเภอนบพิตำ น้ำท่วมสูง 80 ซม. ที่ กม. 1-4 เป็นแห่งๆ ไม่มีสายท่าพุด-เขาหลวง ท้องที่อำเภอนบพิตำ ทางขาด ที่ กม. 5
สาย 4015 ลานสกา-ฉวาง ท้องที่อำเภอช้างคลาง น้ำท่วมสูง 150 ซม. ที่ กม. 33-34 ให้ใช้สาย 4230ตอน นาบอน-ทุ่งสง
ตรัง 4 ตรัง-เขาพับผ้า ท้องที่อำเภอนาโยง น้ำท่วมสูง 65 ซม. ที่ กม. 1112-1115 เป็นแห่งๆ ใช้สาย สาย 1424 เลี่ยวซ้ายผ่านไม่ได้
สาย 4258 บ้านซา-เดือยพร ท้องที่อำเภอห้วยยอด น้ำท่วมสูง 35 ซม. ที่ กม. 1-2 ให้ใช้สาย 4258 ตอนหนองนา-บ้านซา แทน
สุราษฎร์ธานี 41 ไชยา-พุนพิน ท้องที่อำเภอไชยา น้ำท่วมสูง 40 – 60 ซม. ที่ กม. 131- 147 เป็นแห่งๆ ไม่มีสายทางทดแทนผ่านไม่ได้
4114 สมอทอง-ชายทะเล ท้องที่อำเภอท่าชนะ น้ำท่วมสูง 50 ซม. ที่ กม. 4-5 ไม่มีสายทางทดแทน ผ่านไม่ได้
4247 หนองไทร-ยวนสาว ท้องที่อำเภอคีรีรัฐนิคม น้ำท่วมสูง 100 ซม. ที่ กม. 22-154 ให้ใช้สาย
401 ตอนไชยา-พุนพิน แทนผ่านไม่ได้
4251 ห้วยไผ่-น้ำดำ ท้องที่อำเภอท่าชนะ น้ำท่วมสูง 100 ซม. ที่ กม. 9-10 ใช้เส้นทางสาย 4192 ตอนห้วยไผ่-น้ำดำ แทนผ่านไม่ได้
4259 ทุ่งตาเพชร-ห้วยสลิง ท้องที่อำเภอท่าชนะ คอสะพานชำรุด ที่ กม. 11-420 ไม่มีสายทางทุ่งตาเพชร-ห้วยสลิง ท้องที่อำเภอท่าชนะ คอสะพานชำรุด ที่ กม. 11-12 ไม่มีสายทางทดแทน ผ่านไม่ได้
4169 รอบเกาะสมุย ท้องที่อำเภอเกาะสมุย น้ำท่วมสูง 120 ซม. ที่ กม. 20-21 ใช้ทางเบี่ยงของเทศบาล แทนผ่านไม่ได้
4248 ท่าเรือใต้-เขาหัวควาย ท้องที่อำเภอบ้านนาเดิม คอสะพานขาด ที่ กม. 0421 ให้ใช้สาย 401 สุราษฎร์ธานี- ตะกั่วป่าผ่านไม่ได้
ระนอง 4 กะเปอร์-คลองกำพรวน ท้องที่อำเภอกะเปอร์ น้ำกัดเซาะทาง ที่ กม. 670 ให้ใช้ถนนหมู่บ้านบางหิน
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ใช้เส้นทางปฏิบัติตามแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด และเพิ่มความเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ ไม่ฝืนขับรถในเส้นทางที่มีน้ำท่วมขัง เพราะกระแสน้ำอาจพัดรถจมน้ำได้ ท้ายนี้ ผู้ใช้เส้นทางสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ที่มา:กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย