สงกรานต์ สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์
“1,948 คน คือ ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพียงในช่วงเทศกาลสงกรานต์นับย้อนหลังไป 5 ปี ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 20 ปี”
อุบัติเหตุ เป็นสาเหตุหลักของจำนวนตัวเลขข้างต้น แต่ปัจจัยเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ เพราะพบว่า 1 ใน 3 ของผู้บาดเจ็บ มีการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วย โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 13-15 เมษายน พบสัดส่วนการดื่มสูงขึ้นถึง 67-69% เทียบเท่ากับในผู้เสียชีวิต 3 คนจะมี 2 คนที่ดื่มสุราร่วมด้วย
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายว่า ปัจจัยที่มาจากสุรา ทำให้เป็นสาเหตุของการเจ็บ ตาย โดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) เปรียบเทียบอัตราการบาดเจ็บพบว่า เมื่อดื่มจะทำให้เกิดการบาดเจ็บมากกว่าปกติ 2.4 เท่า ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนน การพลัดตกรถ ที่สูง หกล้ม และการทะเลาะวิวาท นอกจากการบาดเจ็บ การดื่มในช่วงเทศกาล ยังทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงถูกทำร้ายร่างกาย ถึง 6.58 เท่า
ความสนุกในช่วงเทศกาลที่เป็นข้ออ้างให้ดื่มมากกว่าปกติ ยังจะเป็นสาเหตุให้เยาวชน ติดพฤติกรรมการดื่มเช่นนี้เรื่อยไป พบว่าเยาวชนที่ดื่มหนักขึ้นหลังเทศกาลมีเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า
ชัดเจนว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือ ตัวการทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ในช่วงเทศกาลที่ควรจะมีแต่ความสุข ส่งแต่สิ่งที่ดีให้แก่กัน
เครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) และ สสส. ร่วมกันผลักดันและรณรงค์ “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์” เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนทั่วประเทศ
จากการเก็บข้อมูลองศูนย์แก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคอีสานตอนบน ซึ่งเก็บสถิติการดื่มของเด็กและเยาวชน ที่เล่นน้ำในถนนสายสำคัญ อย่างถนนข้าวเหนียว พบว่า แนวโน้มการดื่มในช่วงเวลาที่ทำการรณรงค์ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากปี 2547 มีการดื่ม 43.8% เหลือเพียง 9.5% ในปี 2553 ซึ่งส่งผลชัดเจนให้การทะเลาะวิวาทลดลง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีสถิติการทะเลาะวิวาทเลย
เมื่อสำรวจความเห็นประชาชน ในการรณรงค์สงกรานต์ปลอดเหล้า ก็พบว่า เสียงตอบรับของประชาชนอยากเห็นเขตเล่นน้ำที่สนุกและปลอดภัยถึง 87.8% โดยสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ ไม่มีคนเมา 72.9% โดยเฉพาะเมื่อสำรวจประชาชนที่เข้าไปในแหล่งท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ก็สอดคล้องกันว่า เห็นด้วยกับการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถึง 85%
นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ด้านประเพณี วัฒนธรรม กล่าวว่า การร่วมมือกับท้องถิ่นเพื่อทำกิจกรรม “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์” ได้รับความสนใจและร่วมมืออย่างสูง จากการเริ่มต้น 4 พื้นที่ในปีแรก ขยายเป็น 60 พื้นที่ และถนนตระกูลข้าว 16 แห่ง ในปีนี้ เพราะประโยชน์ที่เกิดขึ้นชัดเจน เช่น ลดพฤติกรรมลวนลามทางเพศ และการสาดน้ำรุนแรง พื้นที่เล่นน้ำปลอดภัย ลดการดื่มแล้วขับโดยเฉพาะในรถจักรยานยนต์ที่พบว่าเป็นสาเหตุ มากถึง 2 ใน 3 ของจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั่วประเทศ
“ประโยชน์จากการงดจำหน่ายสุรา โดยเฉพาะให้กับเยาวชน ทำให้เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย ปลอดเหล้าในช่วงสงกรานต์และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย”
หากช่วยกันนำหัวใจของประเพณีสงกรานต์กลับมา ความสูญเสีย การบาดเจ็บ ความเดือดร้อน ก็จะไม่เกิดขึ้น และรดน้ำปีใหม่ไทยได้อย่างชื่นใจ
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายว่า ปัจจัยที่มาจากสุรา ทำให้เป็นสาเหตุของการเจ็บ ตาย โดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) เปรียบเทียบอัตราการบาดเจ็บพบว่า เมื่อดื่มจะทำให้เกิดการบาดเจ็บมากกว่าปกติ 2.4 เท่า ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนน การพลัดตกรถ ที่สูง หกล้ม และการทะเลาะวิวาท นอกจากการบาดเจ็บ การดื่มในช่วงเทศกาล ยังทำให้เกิดโอกาสเสี่ยงถูกทำร้ายร่างกาย ถึง 6.58 เท่า
ความสนุกในช่วงเทศกาลที่เป็นข้ออ้างให้ดื่มมากกว่าปกติ ยังจะเป็นสาเหตุให้เยาวชน ติดพฤติกรรมการดื่มเช่นนี้เรื่อยไป พบว่าเยาวชนที่ดื่มหนักขึ้นหลังเทศกาลมีเพิ่มขึ้น 1.8 เท่า
ชัดเจนว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คือ ตัวการทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ในช่วงเทศกาลที่ควรจะมีแต่ความสุข ส่งแต่สิ่งที่ดีให้แก่กัน
เครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) และ สสส. ร่วมกันผลักดันและรณรงค์ “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์” เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชนทั่วประเทศ
จากการเก็บข้อมูลองศูนย์แก้ไขปัญหาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคอีสานตอนบน ซึ่งเก็บสถิติการดื่มของเด็กและเยาวชน ที่เล่นน้ำในถนนสายสำคัญ อย่างถนนข้าวเหนียว พบว่า แนวโน้มการดื่มในช่วงเวลาที่ทำการรณรงค์ ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากปี 2547 มีการดื่ม 43.8% เหลือเพียง 9.5% ในปี 2553 ซึ่งส่งผลชัดเจนให้การทะเลาะวิวาทลดลง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีสถิติการทะเลาะวิวาทเลย
เมื่อสำรวจความเห็นประชาชน ในการรณรงค์สงกรานต์ปลอดเหล้า ก็พบว่า เสียงตอบรับของประชาชนอยากเห็นเขตเล่นน้ำที่สนุกและปลอดภัยถึง 87.8% โดยสิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ ไม่มีคนเมา 72.9% โดยเฉพาะเมื่อสำรวจประชาชนที่เข้าไปในแหล่งท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ก็สอดคล้องกันว่า เห็นด้วยกับการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถึง 85%
นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อทดแทนธุรกิจแอลกอฮอล์ด้านประเพณี วัฒนธรรม กล่าวว่า การร่วมมือกับท้องถิ่นเพื่อทำกิจกรรม “วัฒนธรรมสร้างสุข สงกรานต์ปลอดภัย สนุกสุขใจไร้แอลกอฮอล์” ได้รับความสนใจและร่วมมืออย่างสูง จากการเริ่มต้น 4 พื้นที่ในปีแรก ขยายเป็น 60 พื้นที่ และถนนตระกูลข้าว 16 แห่ง ในปีนี้ เพราะประโยชน์ที่เกิดขึ้นชัดเจน เช่น ลดพฤติกรรมลวนลามทางเพศ และการสาดน้ำรุนแรง พื้นที่เล่นน้ำปลอดภัย ลดการดื่มแล้วขับโดยเฉพาะในรถจักรยานยนต์ที่พบว่าเป็นสาเหตุ มากถึง 2 ใน 3 ของจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตทั่วประเทศ
“ประโยชน์จากการงดจำหน่ายสุรา โดยเฉพาะให้กับเยาวชน ทำให้เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย ปลอดเหล้าในช่วงสงกรานต์และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย”
หากช่วยกันนำหัวใจของประเพณีสงกรานต์กลับมา ความสูญเสีย การบาดเจ็บ ความเดือดร้อน ก็จะไม่เกิดขึ้น และรดน้ำปีใหม่ไทยได้อย่างชื่นใจ
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
