วิ่งเติมใจ
เรื่องโดย ชมนภัส วังอินทร์ team content www.thaihealth.or.th
ภาพประกอบโดย : กิดานัล กังแฮ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ
การออกกำลังกายสำหรับคนพิการฟังดูคงเป็นเรื่องยากในความคิดของใครหลายๆ คน ที่จริงแล้วกลับมีกลุ่มนักวิ่งคนพิการเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนพิการทางสายตา ทางการได้ยิน และคนพิการแขนขา ที่ได้กลุ่ม “อาสาวิ่งด้วยกัน” มีแนวคิดในการจัดกิจกรรมพาผู้พิการวิ่งออกกำลังกาย โดยเปิดรับสมัคร “ไกด์รันเนอร์” ซึ่งทำหน้าที่เป็นอาสาพาคนพิการวิ่ง และเพื่อเปิดพื้นที่ให้คนพิการได้แสดงดึงศักยภาพของตัวเองออกมา ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นจริง เกิดการยอมรับ และสร้างความรู้สึกภูมิใจ ในความสามารถของตน และเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้แตกต่างจากคนปกติทั่วไป
“ถึงแม้ร่างกายจะพิการใช้งานไม่เต็มที่ แต่การอยากมีสุขภาพที่ดีมันดึงผมให้มาอยู่ในเส้นทางแห่งการวิ่ง” เสียงสะท้อนในมุมมองนักวิ่งคนพิการ นายอานันท์ ฉันทันต์ (พี่เล็ก) เล่าว่า การได้ออกมาวิ่งถือเป็นการระเบิดตัวเองจากภายในเป็นการเปลี่ยนแปลงให้ร่างกายได้รับสิ่งที่ควรจะได้รับ ครั้งแรกที่ได้ลงสู่สนามวิ่งได้ชวนพี่ชายฝาแฝดไปด้วย ซึ่งตอนแรกพี่ชายก็ งงๆ ว่า เอ๊ะ!! จะวิ่งจริงหรอ แต่สุดท้ายพี่ชายก็ยอมมาเป็นไกด์รันเนอร์ให้ เชื่อไหม…การวิ่งครั้งนั้นได้สร้างทัศคติให้ตนอย่างมาก จากเมื่อก่อนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม วันนี้ได้มีเพื่อนมีสังคมนักวิ่งทั้งคนพิการ และนักวิ่งทั่วไปที่อยู่ด้วยกันอย่างไม่รู้สึกแตกต่าง ระหว่างทางมันเกิดคำตอบให้ตัวเองว่า เรารู้สึกโชคดีมากที่ได้พาตัวเองเข้าสู่ลู่วิ่ง ได้ทำอะไรดีๆ เพื่อสุขภาพ คือ ความสุขที่ตนได้
“นอกจากนี้ยังเห็นการเปลี่ยนแปลงของระบบร่างกายอย่างชัดเจน คือ ระบบขับถ่ายที่ดีขึ้นมากขับถ่ายหมุนเวียนสะดวก อาการภูมิแพ้ที่มักเกิดขึ้นเวลาที่อากาศเปลี่ยนก็หายไป ส่วนการเตรียมตัวในการวิ่งทุกครั้ง คือการเติมในส่วนที่ขาด เช่นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต อาหารที่เหมาะกับการวิ่ง ช่วงเวลาการซ้อมใน 1 สัปดาห์ อยู่ที่ 3-4 ครั้ง กระตุ้นให้ร่างกายทำงานเหมือนคนปกติมากขึ้น ทุกวันนี้ไม่ชอบการอยู่บ้านเฉยๆ เจอใครก็ชวนให้ออกมาลองวิ่ง จนตอนนี้มีกลุ่มเพื่อนที่วิ่งเยอะมาก อยากเชิญชวนให้ออกมาวิ่งนอกจากจะสนุกสุขภาพดีขึ้นแล้วยังเป็นการให้ คือให้กำลังใจสร้างแรงผลักดันให้นักวิ่งคนพิการส่งต่อสุขภาพไปอย่างไม่สิ้นสุด” นายอานันท์ เล่าด้วยรอยยิ้ม
บางครอบครัว มีสมาชิกที่เป็นพี่น้องพิการ และไม่พิการอยู่ร่วมกัน การทำกิจกรรมต่างๆ ต้องอาศัยการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจ ซึ่งกิจกรรมการวิ่ง ถือเป็นสิ่งที่สามารถกระชับความสัมพันธ์ของคนในครอบให้แน่นแฟ้นขึ้น ดังเช่น นายอานนท์ ฉันทันต์ (พี่ใหญ่) พี่ชายของพี่เล็ก ซึ่งเป็นไกด์รันเนอร์ ให้กับน้องชายฝาแฝดของตน เล่าว่า เส้นทางของการเป็นนักวิ่ง ไกด์รันเนอร์ มันเกิดจากน้องชายของตนบอกว่า “อยากวิ่ง ให้พาไปวิ่งหน่อย” ซึ่งน้องชายของตนพิการขานั่งวีลแชร์ จึงเกิดคำถามย้อนกับมาที่ตนเองว่าแล้วเราจะต้องทำอย่างไรในการดูแลน้องของตนเองในระหว่างทางวิ่ง ซึ่งก็ได้มาพบกลุ่ม อาสาวิ่งด้วยกัน ที่ช่วยสอนการเป็นไกด์รันเนอร์ ซึ่งมีวิธีการดูแลนักวิ่งที่แตกต่างกันตามลักษณะของคนพิการ เช่น ทางสายตา แขนขา ก็ต้องเรียนรู้วิธีการวิ่งร่วมกันอย่าง กลุ่มนักวิ่งด้วยกันก็จะมีนัดวิ่งด้วยกันอยู่บ่อยๆ ทั้งแบบ กลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่บ้าง มีนัดรวมตัวกันไปวิ่งงานอื่นๆ ด้วย ที่สำคัญต้องเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงมีการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการวิ่งในแต่ละครั้งหากร่างกายเราไม่พร้อมเราก็ไม่สามารถดูแลคู่วิ่งของเราได้
“การวิ่งในแต่ละครั้งสำหรับตน คือ การได้เก็บประสบการณ์มากขึ้น ใกล้ชิดกับน้องชายมีเรื่องให้คุยกัน มีกิจกรรมดีๆ ร่วมกัน รางวัลของการวิ่งในแต่ละครั้งสำหรับตนและน้องชาย คือ การชนะใจตนเองพาตัวเองเข้าไปหาเส้นชัยด้วยหยาดเหงื่อแห่งการทุ่มเทที่สู้ฝึกซ้อมร่วมกันมา รอยยิ้มของเพื่อนร่วมทางเป็นแรงผลักเป็นกำลังใจกันระหว่างทาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ตนถือว่า การนอนอยู่บ้านเฉยๆ คงไม่ได้พบสิ่งดีๆ แบบนี้แน่นอน” นายอานนท์ เล่าทิ้งท้าย
สุดท้ายการวิ่งสามารถนำชีวิตใหม่มาสู่ตัวผู้วิ่งได้เสมอ เริ่มง่ายๆ เพียงแค่ก้าวออกมาวิ่ง แล้วไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เป็นคนพิการ หรือไม่พิการ ก็ล้วนแต่มีศักยภาพ สำหรับผู้ที่สนใจอยากเป็น อาสาไกด์รันเนอร์ให้คนพิการ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ใน Facebook fan page : วิ่งด้วยกัน มินิมาราธอน หรือโทร 086-069-5652 อีเมล info@klongdinsor.com และมาร่วมระเบิดพลังกันในงานวิ่งที่จะพาคุณไปหาคำตอบของการมีสุขภาพดี ในงาน Thaihealth Day run 2018 ในวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 เปิดรับสมัครแล้ว ที่ www.thaijogging.org