วิธีแก้ไขเหตุฉุกเฉินไฟไหม้รถยนต์
ที่มา : เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์
แฟ้มภาพ
ปภ.แนะวิธีป้องกัน-แก้ไขเหตุฉุกเฉินจากไฟไหม้รถยนต์ ชี้ควรหมั่นตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ไฟไหม้รถเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่รถที่มักเกิดไฟไหม้ ได้แก่ รถที่ติดตั้งระบบก๊าซ LPG หรือ NGV ที่ไม่ได้มาตรฐานและขาดการบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี รถเก่าที่มีอายุการใช้งานมานาน รถที่ผ่านการปรับแต่งสภาพและใช้อะไหล่ที่ไม่มีคุณภาพหรือต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่รถใหม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ได้ หากไม่ดูแลรักษาสภาพเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะข้อควรรู้เกี่ยวกับการป้องกันและการปฏิบัติตนกรณีเกิดไฟไหม้รถ ดังนี้
วิธีป้องกัน
ควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน เติมน้ำหม้อน้ำในระดับที่กำหนด ท่อน้ำมันเชื้อเพลิงไม่มีรอยรั่ว ไม่มีเศษวัสดุติดในหม้อน้ำและท่อยาง สายพานมีความตึงในค่าที่กำหนด โดยเฉพาะกระโปรงหน้ารถ หากมีเขม่าดำเกาะ แสดงว่า เครื่องยนต์ทำงานไม่สมบูรณ์ รวมถึงตรวจสอบใต้ท้องรถ หากมีรอยน้ำมันหยดควรรีบแก้ไขโดยด่วน หมั่นสังเกตการทำงานของเครื่องยนต์และระบบก๊าซ
หากตรวจพบสายไฟขาด มีรอยน้ำมันรั่วซึม ระดับน้ำมันเชื้อเพลิงหรือก๊าซลดลงอย่างรวดเร็ว เครื่องยนต์ร้อนจัด ได้กลิ่นเหม็นไหม้ของยางหรือพลาสติก กลิ่นก๊าซรั่ว เครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติให้รีบนำรถไปตรวจสอบและซ่อมแซมทันที รวมทั้งจัดเตรียมถังดับเพลิงเคมีขนาดเล็กไว้ด้านข้างคนขับ เพื่อสามารถหยิบมาใช้ได้ทันที
เมื่อไฟไหม้รถ
กรณีเกิดไฟไหม้รถ ควรตั้งสติ และรีบนำรถจอดริมข้างทางในทันที หากเป็นรถติดตั้งระบบก๊าซ ให้ปิดสวิตซ์ เพื่อตัดการทำงานของระบบก๊าซ พร้อมดับเครื่องยนต์ หากไฟไหม้รถเพียงเล็กน้อย ให้ควบคุมเพลิงด้วยตนเองในเบื้องต้น โดยใช้ถังดับเพลิงเคมีฉีดพ่นบริเวณต้นเพลิงให้ดับสนิท หากมีเปลวไฟออกมาจากฝากระโปรงรถ ให้ปลดสลักฝากระโปรง และฉีดพ่นผ่านทางช่องฝากระโปรงที่แง้มไว้ ห้ามเปิดฝากระโปรงในทันที เพราะจะทำให้ไฟลุกลามมากขึ้น
เมื่อไฟเริ่มสงบ จึงค่อยๆ เปิดฝากระโปรง โดยใช้ผ้ารองหรือสวมถุงมือ เนื่องจากฝากระโปรงมีความร้อนสูง หากเปิดได้แล้ว ควรฉีดพ่นให้ทั่วห้องเครื่องจนมั่นใจว่าไฟดับสนิท จากนั้นให้ถอดขั้วแบตเตอรี่ออกเพื่อป้องกันมิให้เปลวไฟปะทุ
กรณีเพลิงไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว
ให้รีบออกห่างจากรถที่เกิดไฟไหม้โดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันรถระเบิด จากนั้นให้รีบโทรศัพท์แจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย 191 ศูนย์รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ 199 สายด่วนนิรภัย 1784
ที่สำคัญ ผู้ขับขี่ควรหมั่นตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน สังเกตความผิดปกติของรถ โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นเก่าที่ผ่านการปรับแต่งสภาพและใช้อะไหล่ที่ไม่มีคุณภาพหรือต่ำกว่ามาตรฐาน รวมถึงไม่ควรซื้อรถมือสองที่ไม่ทราบประวัติการขับขี่มาใช้งาน พร้อมเรียนรู้วิธีแก้ไขเหตุฉุกเฉิน ที่สำคัญ ควรขับรถในอัตราความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเกิดอุบัติเหตุจะช่วยลดแรงปะทะที่อาจทำให้เกิดไฟไหม้รถได้