วิกฤติพลังงานชาติ ในมุมมองนักศึกษา

 

ตามที่มีข่าวว่าโรงส่งก๊าซธรรมชาติที่พม่าจะปิดซ่อมบำรุง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย เพราะไทยนำก๊าชธรรมชาติจากพม่ามาผลิตกระแสไฟฟ้า โดยขณะนี้รัฐบาลไทยมีนโยบายในการลดใช้พลังงานลงเหลือเพียง 10% และพยายามจะนำเอาพลังงานทดแทนเข้ามาใช้ บรรดานักศึกษามีทัศนคติอย่างไรกับวิกฤติพลังงานที่จะเกิดขึ้นบ้างลองไปฟังกัน

ผศ.พูลเกียรติ์ นาคะวิวัฒน์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ ในมหาวิทยาลัยฯ ขึ้นมา โดยจากการประชุมได้มีกำหนดนโยบาย 12 มาตรการขึ้นมา โดยมาตรการดังกล่าวได้นำมาโยงใยเข้ากับกิจวัตรประจำวันของหน่วยงาน ยกตัวอย่างมาตรการในการใช้เครื่องปรับอากาศ ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะเปิดเครื่องปรับอากาศประมาณ 10.00 น. และปิดก่อนเลิกงานประมาณ 16.00 น. แต่ละหน่วยงานจะเริ่มปิดการใช้เครื่องปรับอากาศ อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ทางภูมิทัศน์มหาวิทยาลัยฯ ยังได้มีการปรับภูมิทัศน์โดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยฯ ประสบปัญหาอุทกภัยทำให้ต้นไม้ตายหมด ซึ่งตอนนี้ได้มีการเร่งปรับทัศนียภาพ เพื่อให้อุณหภูมิภายนอกลดต่ำลง ส่งผลต่อการทำงานของระบบปรับอากาศภายในอาคาร ในเรื่องของพลังงานทดแทน ทางมหาวิทยาลัยฯ ได้นำผลงานการวิจัยของอาจารย์เข้ามาปรับใช้ “สวนพลังงาน” กังหันลม โซลาร์เซลล์ เข้ามาปรับใช้ โดยในระยะยาวทางมหาวิทยาลัยฯ จะมีการติดแผงโซลาร์เซลล์บนอาคารเรียนทุกอาคาร ซึ่งตอนนี้ได้มีคณะวิศวกรรมศาสตร์เป็นคณะนำร่องในตอนนี้

“เฟม” นายรณชัย คล้อยนาค นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ เล่าว่า การประหยัดพลังงานเป็นเรื่องที่รณรงค์มานานแล้ว รัฐบาลออกมาให้รณรงค์การลดพลังงาน 10 เปอร์เซ็นต์ หรือช่วยการประหยัดไฟฟ้า เป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ส่งผลกระทบอะไรมากมายที่ทุกคนสามารถทำได้ “ตั้งสติการใช้ชีวิต ฟังรัฐบาลประกาศว่าให้ประชาชนทำอะไรเพื่อให้เกิดในแนวทางเดียวกัน” โดยที่ประชาชนต้องพึ่งตนเอง เรียงลำดับความสำคัญของการใช้พลังงานที่จำเป็นก่อน ในการช่วยมหาวิทยาลัยฯ ประหยัดพลังงาน “การทำงานกับเพื่อนหลายๆ คน เป็นการลดพลังงานการใช้ได้มากเพราะเมื่อต่างคนมาอยู่ที่เดียวกันพลังงานก็จะใช้ในที่เดียวไม่ได้ใช้นอกเหนือจากต่างคนอยู่คนละห้องที่มีการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น “เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติทุกคนพึ่งพาอาศัยกัน”

“เมย์เจอร์” น.ส.กนกวรรณ ตันสาร นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ เล่าว่า ถ้าเกิดพม่าปิดโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติ ประเทศไทยค่าไฟก็คงแพงขึ้น เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อประเทศและควรที่จะมีการคิดหาวิธีรับมือกับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งทุกคนในประเทศควรช่วยกัน โดยรัฐบาลได้ออกมากระตุ้นให้ทุกคนรับมือกับปัญหานี้ได้แค่เบื้องต้นในเรื่องของการประหยัดไฟ ในความคิดสิ่งที่ควรทำคือการหาพลังงานทดแทน และรณรงค์ให้มีการลดใช้พลังงานภายในประเทศ ฐานะของนักศึกษาที่ใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยฯ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ทำได้ “ถ้าลดการใช้ไฟฟ้าก็ลดการผลิตกระแสไฟฟ้าและยังมีผลให้เราประหยัดพลังงานที่จะนำมาใช้ในผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย” อยากให้ทุกคนหันมาเห็นความสำคัญของการใช้พลังงานอย่างจริงจัง ไม่ใช่กระแสมาครั้งประหยัดครั้ง ทุกคนควรเห็นความสำคัญของพลังงานที่กำลังหมดไป อยากให้ทุกคนมีจิตสำนึกที่จะช่วยกันประหยัดพลังงาน เพื่อที่จะได้ช่วยชาติฝ่าวิกฤติที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย

“วุธ” นายนันทวุธ นามบุศย์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 (หลักสูตรต่อเนื่อง) สาขาวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ เล่าว่า ถ้าเกิดวิกฤติในเรื่องของพลังงานขึ้นมาจริงๆ สิ่งที่ต้องทำ คือ การผลิตพลังงานใช้เองให้เต็มกำลังและหาแหล่งพลังงานจากที่อื่นมาใช้ ทุกคนต้องช่วยกันใช้พลังงานที่มีอย่างประหยัดและให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขั้นต่อไปก็ต้องหาแหล่งพลังงานใหม่ เพื่อนำมาใช้ภายในประเทศ ถ้าไม่มีทางเลือกจริงก็คงต้องหยุดการส่งออกพลังงานหรือไม่ให้มีการส่งก๊าซธรรมชาติออกนอกประเทศเพราะปัจจุบันมีการขายก๊าซธรรมชาติให้กับต่างชาติเพื่อนำกลับมาขายในประเทศไทย ในการประหยัดพลังงานไม่ต้องมองในระดับการประหยัดทั้งประเทศทั้งโลก เริ่มจากตัวเราเองประหยัดและให้เป็นนิสัย และทำตลอดทุกๆ วัน ไม่จำเป็นต้องมีหนึ่งวันมาช่วยกันปิดไฟหนึ่งดวง อยากให้ทุกคนทำชีวิตประจำวันให้เป็นการประหยัดพลังงานโดยไม่ต้องคิดถึงอะไรมากมาย แค่คิดการประหยัดเงินในกระเป๋าของตัวเอง “พลังงานไม่มีวันหมดไปจากโลกใบนี้ ทุกอย่างมีสิ่งที่ขึ้นมาทดแทนตลอด”

“เอ” นายทศพร แก้วศรีสุข นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า-ไฟฟ้ากำลัง คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม เล่าว่า ได้ศึกษาเรื่องพลังงานมาช่วงหนึ่ง โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ซึ่งได้รายงานสถานการณ์การใช้พลังงานปี 2555 เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทยใช้พลังงานน้ำมันสำเร็จรูปมากที่สุด ถึง 48% รองลงมาเป็นพลังงานงานไฟฟ้า 18.9% โดยแหล่งที่มาของพลังงานมีทั้งผลิตขึ้นเองและนำเข้า ในส่วนของพลังงานไฟฟ้า มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.6 ซึ่งยังไม่รวมพลังงานอื่นๆ ที่ประเทศไทยเรานำเข้า เช่น ถ่านหิน น้ำมันดิบ หรือแม้กระทั่งก๊าซธรรมชาติ สาเหตุส่วนใหญ่ที่สถิติการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นทุกปี อาจเกิดจากจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ต้องใช้พลังงานในการใช้งาน ทั้งรถยนต์อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ วิธีการประหยัดพลังงานง่ายๆ เริ่มที่ตัวเราก่อน การใช้พลังงานไฟฟ้าในบ้านเรือน ไม่เปิดไฟทิ้งไว้โดยไม่จำเป็น และรู้จักเลือกอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม เพราะจะทำใช้ช่วยลดพลังงาน และอย่าลืมสัญลักษณ์เบอร์ 5 และมาตรฐาน มอก. เพราะปัจจุบันมีการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างผิดวิธี ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ

ทัศนคติของนักศึกษาเป็นอีกหนึ่งแนวคิดสำหรับการใช้พลังงาน มาตรการที่รัฐบาลออกมารณรงค์จะเกิดผลหรือไม่ ขึ้นอยู่กับทุกคนในประเทศ ที่จะตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ ความจริงเรื่องพลังงานเป็นเรื่องของจิตสำนึกของแต่ละคน หากประชาชนในประเทศมีจิตสำนึกของการใช้พลังงานอย่างประหยัดและให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดได้ จะเป็นมาตรการที่เกิดผลในภาพรวมของประเทศได้มากที่สุด

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง

 

Shares:
QR Code :
QR Code