วันพระนี้ไปไหนดี
เปิดกิจกรรม “เรียนรู้บนลานวัด” 800 แห่งทั่วประเทศ
เปิดผลสำรวจ ‘วัดร้างไร้พระ’ ยอดสูง 1 ใน 7 เท่าของวัดทั่วประเทศ เผยคนไทยติด ‘เกจิดัง’ งมงายวัตถุมงคล ‘ขุนแผนโคโยตี้-จตุคามรามเทพ-ชูชกเรียกทรัพย์’ สสส.ชู “โมเดิร์นวัด” เปิด “แหล่งเรียนรู้บนลานวัด 800 แห่งทั่วประเทศ” พัฒนาวัยโจ๋ พร้อมเยียวยาสังคม
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่วัดบางปลากด รังสิต คลอง 14 จ.ปทุมธานี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดกิจกรรม “เรียนรู้บนลานวัด จำนวน 800 วัดทั่วประเทศ” เพื่อเป็นการเปิดพื้นที่แหล่งเรียนรู้ในวันอาทิตย์ รวมทั้งเป็นพื้นที่เยียวยาจิตใจในสภาวะความขัดแย้งในสังคม โดยมีนักเรียนและผู้ปกครองจากโรงเรียนโชคชัย รังสิต เข้าร่วมนายสุรินทร์ จิรวิศิษฐ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า จากผลสำรวจของสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติพบว่า ในปี 2553 มีจำนวนวัดทั้งสิ้น 37,000 แห่ง ขณะที่จำนวนวัดร้างในประเทศไทยมีจำนวน 5,000 แห่ง หรือคิดเป็น 1 ใน 7 ของจำนวนวัดที่มีอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากขาดเจ้าอาวาสและพระจำพรรษา ขณะเดียวกันจากผลสำรวจความคิดเห็นของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เรื่อง “ศาสนาและการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาของคนไทย” ปี 2553 พบว่า คนไทยที่นับถือศาสนาพุทธ 79% ในทุกวัยเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า “ทุกวันนี้ คนไทยค่อนข้างจะห่างไกลจากศาสนาและการปฏิบัติธรรม” โดยกลุ่มตัวอย่าง 45% เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเป็นครั้งคราว ส่วนอีก 13% ระบุว่า เข้าร่วมนานๆ ครั้ง
นายสุรินทร์ กล่าวว่า การเปิดกิจกรรม “เรียนรู้บนลานวัด 800 แห่งทั่วประเทศ” จึงเป็นการเปิด “วัด” ในมิติใหม่ที่เพิ่มความทันสมัยด้วยการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ในวัด เพื่อให้เกิดการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัว ชุมชน และสังคมแล้ว ยังช่วยชุบชีวิตให้วัดร้างทั่วประเทศกลับมาเป็นศูนย์กลางการศึกษา และเป็นที่พึ่งพิงทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเช่นในอดีตผ่านวัดที่เข้าร่วมโครงการ 800 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์ในทุกวันอาทิตย์ เพื่อเด็กเยาวชนได้ใช้ประโยชน์จากกิจกรรมในวัด ขณะเดียวกันวัดก็ได้ดึงพุทธศาสนิกชนเข้าวัดได้มากขึ้น พระสงบ ธรรมะสันติโก เจ้าอาวาสวัดบางปลากด หนึ่งในวัดที่เข้าร่วมโครงการ “เรียนรู้บนลานวัด” กล่าวถึงสถานการณ์พุทธศาสนาในปัจจุบันว่า คนเข้าวัดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะคนมักติดอยู่กับตัวเกจิอาจารย์ชื่อดัง หรือสนใจแต่วัตถุมงคลต่างๆ เช่น จตุคามรามเทพ ขุนแผนโคโยตี้ หรือล่าสุดชูชกเรียกทรัพย์ เพราะมีความเชื่อ และขาดที่พึ่ง ไม่รู้ว่าที่พึ่งที่ถูกต้องคืออะไรและไม่พยายามพัฒนาปรับปรุงตัวเอง ต้องการแต่ความสบาย จึงต้องหาสิ่งภายนอกมาชดเชย สำหรับโครงการ “เรียนรู้บนลานวัด” นั้น จึงเลือกที่จะสร้างกิจกรรมที่จะช่วยปรับทัศนคติให้เด็กเยาวชน และครอบครัวเข้าใจถึงแก่น “ธรรมะ” อย่างถูกต้อง ด้วยวิธีที่ไม่น่าเบื่อ เช่น กิจกรรมธรรมะ “กลับตาลปัตร” ชงชาสนทนาธรรม และการปั้นตุ๊กตาสอนธรรม ซึ่งตุ๊กตา“อ๋อ-เอ๋อ”ที่มีสีเหลืองและแดงปนกัน ได้รับความนิยมจากเด็กเป็นอย่างมาก ที่สอนให้มีความรักและสามัคคีต่อกัน ซึ่งหลังจากการเปิดกิจกรรมต่างๆ พบว่า มีญาติโยมเข้าวัดมากยิ่งขึ้น
นายบุญจันทร์ บัวหุ่ง เลขานุการโครงการสนับสนุนวัดเพื่อพัฒนาเด็กเยาวชนและชุมชน สสส. กล่าวว่า เป้าหมายคือต้องการใช้วันอาทิตย์ให้เกิดประโยชน์ เน้นให้เด็กชวนพ่อแม่เข้าวัด โดยใช้วัดเป็นศูนย์กลางในการเสริมสร้างสุขภาวะให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรม และเกิดการบูรณาการของวิถีชีวิตชุมชนในรูปแบบของกิจกรรมที่นำมาใช้
นางลัดดาวัลย์ แก้วสว่าง ผู้จัดการโครงการเปิดวัดวันอาทิตย์ ใกล้ชิดพระศาสนา สสส. กล่าวว่า โครงการนี้มีหลักอยู่ว่า จะทำอย่างไรให้คนเข้าวัดในวันอาทิตย์เพิ่มเติมจากวันพระ ซึ่งมีวัดหลายแห่งที่มีกิจกรรมน่าสนใจ โดยพบว่าแต่ละวัดที่เข้าร่วมโครงการภาคภูมิใจในการเปิดวัดวันอาทิตย์มาก ที่มีจำนวนคนเข้าวัดเพิ่มขึ้น และวัดบางแห่ง เจ้าอาวาสเป็นเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ ก็ได้จัดกิจกรรมสัญจรไปยังวัดในปกครอง ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการด้วย ทำให้เกิดเครือข่ายโดยปริยาย
สนใจวัดใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการ ได้ที่ www.thaihealth.or.th/temple
ที่มา : สำนักข่าว สสส.
Update:28-07-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่