ลาวดูงาน สสส.เยี่ยมชมการทำงานด้านบุหรี่

คณะผู้เข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมเทคโนโลยีทางการแพทย์ จาก สปป.ลาว เข้ารับฟังการบรรยายการควบคุมยาสูบ : บทเรียนจากไทยสู่ลาว หวังนำปรับใช้ในประเทศ

คณะลาวดูงานที่ สสส.

เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คณะผู้เข้าอบรมหลักสูตรการฝึกอบรมเทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุขสำหรับบุคลากรทางการแพทย์จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาว) ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 20 คน ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เดินทางเข้ารับฟังการบรรยายหัวข้อ เรื่อง การควบคุมยาสูบ : บทเรียนจากไทยสู่ลาว

โดย นางสาวบังอร ฤทธิภักดี ผู้อำนวยการเครือข่ายควบคุมยาสูบในอาเซียน กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายว่า ปัญหายาสูบเป็นปัญหาใหญ่ที่บริษัทยาสูบพยายามล่าลูกค้าให้มีจำนวนที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นวิธีการป้องกันที่สำคัญ คือป้องกันนักสูบหน้าใหม่ และช่วยเหลือผู้ที่อยากเลิกสูบบุหรี่ ซึ่งต้องทำทั้งสองเรื่องนี้ไปพร้อมกัน ขณะที่องค์การอนามัยโลกเสนอว่าวิธีการป้องกันและจัดการปัญหามีอยู่ 4 เรื่องหลักคือ 1.การขึ้นภาษีบุหรี่ 2.ห้ามโฆษณาประชาสัมพันธ์การขายยาสูบ 3.ต้องมีคำเตือนบนซองยาสูบที่เป็นรูปภาพ และ 4.ต้องทำให้สถานที่ต่างๆ ทั้งสถานที่ทำงาน ที่สาธารณะ ปลอดยาสูบ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นตัวช่วยรัฐบาลในทุกประเทศ คือกรอบอนุสัญญาประชาคมโลก หรือ who ftce  (framework convention on tobacco control) ซึ่งเป็นกรอบอนุสัญญาสุขภาพฉบับแรกที่มีประมาณเกือบ 200 ประเทศร่วมลงนามให้สัตยาบัน รวมทั้งลาวด้วย โดยในเอเชียประมาณ 40 ประเทศ ยกเว้นอินโดนีเซีย ซึ่งกรอบอนุสัญญาดังกล่าวเป็นการกำหนดมาตรากฎหมายต่างๆ อาทิ มาตรา 6 กำหนดเรื่องอากรยาสูบ มาตรา 8 การจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดบุหรี่ นอกจากนี้จากการสำรวจยังพบว่าบริษัทผลิตบุหรี่รายใหญ่ของโลก 4 แห่งมีกำไรรวมกัน 26 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งมากกว่างบประมาณของประมาณ 15 ประเทศรวมกัน (ประเทศในแถบแอฟริกาและเอเชีย)

นางสาวบังอร กล่าวภายหลังบรรยายว่า เหตุผลที่คณะผู้เข้าอบรมเดินทางมาที่ สสส.เนื่องจากเห็นว่า สสส.เป็นองค์กรที่มีโมเดลของการจัดการในการนำเงินภาษีบุหรี่-เหล้า มาใช้ในการสร้างเสริมสุขภาพ อีกทั้งยังเป็นนโยบายและรูปแบบที่หลายประเทศนำไปปรับใช้ และส่งผลให้สุขภาพของประชาชนดีขึ้น อย่างประเทศที่กำลังพัฒนาที่ไม่มีงบประมาณในการทำงานด้านสร้างเสริมสุขภาพ การใช้อากรภาษียาสูบมาใช้ในเรื่องนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ขณะที่สถานการณ์ยาสูบในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวนั้นพบว่ามีผู้สูบอยู่ในจำนวนมาก ประมาณ 40%ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป หรือประชากร 7 ล้านคน สูบบุหรี่ประมาณ 1.5 ล้านคน

“ที่สำคัญบริษัทยาสูบที่เข้ามาทำความร่วมมือกับรัฐบาลลาว ทำให้ทำเรื่องการควบคุมยาสูบค่อนข้างลำบาก และกฎหมายเรื่องสุขภาพของลาวนั้นก็พึ่งมีผลบังคับใช้ และทุนในการทำเรื่องควบคุมยาสูบก็ยังไม่ค่อยมี และทางลาวก็มีโครงการที่เตรียมจัดตั้งองค์กร สสส.ทางหน่วยงานของเราก็จะไปเป็นพี่เลี้ยงให้กับทางกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังของลาวในการเตรียมจัดตั้งกองทุนควบคุมยาสูบที่จะนำเงินภาษีบุหรี่มาใช้ ดังนั้นการที่ลาวมาศึกษาดูงานในวันนี้ ลาวก็จะได้เห็นรูปธรรมมากขึ้นว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง” นางสาวบังอรกล่าว

นายบุญนาว พระจอมพล รองปลัดสาธารณสุขแขวงเวียงจันทร์ ด้าน นายบุญนาว พระจอมพล รองปลัดสาธารณสุขแขวงเวียงจันทร์ หัวหน้าคณะ สปป.ลาว กล่าวว่า การมาดูงานในประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อนำเอาบทเรียนการรณรงค์และการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการสูบบุหรี่จากประเทศไทยไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ใน สปป.ลาว โดยเฉพาะการจัดพื้นที่สาธารณะให้เป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ อาทิ ในสำนักงาน สถานีขนส่ง โดยเฉพาะโรงพยาบาล และสถานบริการทางสาธารณสุขที่ถือเป็นพื้นที่ที่ควรจะปลอดบุหรี่อย่างยิ่ง นอกจากการนี้หากสามารถลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลงได้ ก็เชื่อว่าจะทำให้จำนวนผู้ที่ป่วยที่เกิดจากการสูบบุหรี่ เช่น มะเร็งปอดลดน้อยลงด้วย

 

 

เรื่องโดย: คีตฌาณ์ ลอยเลิศ , สุนันทา สุขสุมิตร team content www.thaihealth.or.th

Shares:
QR Code :
QR Code