ลอยกระทงปีนี้ ปลอดเหล้า ปลอดภัย ไร้ควันบุหรี่ สสส. – ภาคี เสนอ 3 มาตรการ สร้างค่านิยม คุมปัจจัยเสี่ยง สร้างนวัตกรรมการมีส่วนร่วม

ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

ภาพประกอบจาก สสส.

ปกข่าว ลอยกระทงปีนี้ ปลอดเหล้า ปลอดภัย ไร้ควันบุหรี่ สสส. - ภาคี เสนอ 3 มาตรการ สร้างค่านิยม คุมปัจจัยเสี่ยง สร้างนวัตกรรมการมีส่วนร่วม

                    สสส. มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ชวนคนไทยลอยกระทงสร้างสุข ปลอดเหล้าปลอดภัย ไร้ควันบุหรี่(ไฟฟ้า) น้อมส่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย เสนอ 3 มาตรการจัดงานลอยกระทง สร้างค่านิยม-ควบคุมปัจจัยเสี่ยง-สร้างนวัตกรรมมีส่วนร่วม

                    เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2568 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม เครือข่ายงดเหล้า กรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมภาคส่วนต่างๆ จัดงานแถลงข่าว “ลอยกระทงสร้างสุข ปลอดเหล้าปลอดภัย ไร้ควันบุหรี่ (ไฟฟ้า) น้อมส่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย” พร้อมเสวนาบทเรียนการทำงานที่ผ่านมา

นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุน สสส. และกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส.
                    โดยนายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุน สสส. และกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. กล่าวว่า สสส. ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม เครือข่ายงดเหล้า กทม. และภาคี รณรงค์งานลอยกระทงต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 มีพื้นที่ จัดงานกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ จากผลการสำรวจนักท่องเที่ยวในงานลอยกระทงปี 2567 ใน 11 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สุโขทัย เชียงใหม่ ตาก ร้อยเอ็ด อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ สกลนคร สมุทรสงคราม กลุ่มตัวอย่าง 3,600 คน พบว่าส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการจัดงานลอยกระทงแบบปลอดเหล้า 86.7% เห็นว่าการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องไม่ปกติ 56.9% อยากให้มีการตรวจบังคับใช้กฎหมายควบคุมเหล้าอย่างต่อเนื่อง 80.6% องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ และภาคเอกชนผู้มีส่วนร่วมในการจัดงาน เห็นว่า การจัดงานแบบปลอดเหล้าส่งผลดี ทำให้การทะเลาะวิวาทลดลง 83.7% ทำให้อุบัติเหตุลดลง 83.6% ขณะที่เด็กเยาวชนที่มาร่วมงาน 75.5% เห็นด้วยไม่ควรขายและดื่มเหล้าในงาน และเห็นว่าไม่ควรปล่อยให้ธุรกิจน้ำเมาเข้าไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ที่มีเด็กเยาวชนอยู่ในงาน 74.9%

                    “เจ้าภาพจัดงานลอยกระทงในแต่ละพื้นที่ควรคงมาตรการควบคุมและลดปัจจัยเสี่ยง โดยปีนี้จะขยายประเด็นไปสู่เรื่องบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้มาร่วมงานและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กเยาวชน รวมทั้งยังใช้เป็นโอกาสในการน้อมส่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย โดยคงไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมที่งดงาม” นายวิเชษฐ์ กล่าว

นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม

                    นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม กล่าวว่า งานลอยกระทงปีนี้ เชื่อว่าคนไทยจะใช้เป็นโอกาสในการน้อมส่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย ในรูปแบบที่เหมาะสมเรียบง่าย เช่นเดียวกับปีสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 สอดคล้องกับแนวทางที่งานลอยกระทงสร้างสุขที่ภาคีเครือข่ายร่วมกันดำเนินการมาตลอด ขอเสนอแนวทางการจัดงานลอยกระทงที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงค่านิยมและธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีใน 3 มาตรการ 1.สร้างค่านิยมที่ดี สื่อสารเรื่องคุณค่าความหมายที่แท้จริงของงานประเพณีลอยกระทง วิถีชีวิตที่แนบอิงกับธรรมชาติสายน้ำและศาสนธรรม 2.ควบคุมปัจจัยเสี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ อาทิ ไม่ขายการดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน ไม่ขายและปล่อยโคมลอย ควบคุมท่าน้ำที่ไม่ปลอดภัยป้องกันเหตุคนจมน้ำ ควบคุมประทักษ์ยักษ์ และควบคุมบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ป้องกันกลิ่นเหม็นสร้างความรำคาญ 3.สร้างนวัตกรรม หรือสร้างจุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยว ต่อยอดทุนทางประเพณีวัฒนธรรมไปสู่ลูกหลาน อาทิ การประกวดกระทง-โคมไฟประดับ ให้เด็กเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น มีกิจกรรมการแสดงวัฒนธรรมร่วมสมัย มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองร่วมสนุก

พระครูสุมณฑ์ธรรมธาดา เจ้าอาวาสวัดคลองกระจง และประธานประชาคมงดเหล้า จ.สุโขทัย

                    พระครูสุมณฑ์ธรรมธาดา เจ้าอาวาสวัดคลองกระจง และประธานประชาคมงดเหล้า จ.สุโขทัย กล่าวว่า จ.สุโขทัย จัดงานลอยกระทงในรูปแบบ “ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” อย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนสุโขทัย โดยก่อนปี 2550 การจัดงานเคยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงชุมชนรอบพื้นที่จัดงานที่มีการจำหน่ายสุราพื้นบ้าน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไม่ปลอดภัยและลดความสนใจในการมาเที่ยว เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท และการคุกคามทางเพศ ต่อมาด้วยความร่วมมือของสสส. และมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ได้เสนอแนวคิด “งานประเพณีปลอดเหล้า” จนได้รับการสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นถูกทำร้ายในพื้นที่ ทำให้ผู้ประกอบการสุราและภาคชุมชนเห็นพ้องต้องกันที่จะงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงงานประเพณี จากความร่วมมือดังกล่าว จ.สุโขทัย ได้รับรางวัล “Gold Prize” จาก International Festivals & Events Association (IFEA) Asia Chapter ประเทศเกาหลีใต้ ในหมวด “Night Time Economy & Tourism: Cultural Historical Festival” ประจำปี 2566 สะท้อนถึงความยั่งยืนของการจัดงานและเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ สำหรับงานลอยกระทงจังหวัดสุโขทัยในปี พ.ศ. 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ต.ค. – 5 พ.ย. ภายใต้แนวคิดการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างวิจิตร พร้อมกิจกรรมจุดตะคันทุกวันเวลา 21.21 น. เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง

นายณพล ชยานนท์ภักดี นายกเทศมนตรีเมืองตาก

                    นายณพล ชยานนท์ภักดี นายกเทศมนตรีเมืองตาก กล่าวว่า ตั้งแต่มีพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแิลกอฮอล์ พ.ศ.2551 เทศบาลจึงถือโอกาสเริ่มต้นรณรงค์จัดงานลอยกระทงสายในรูปแบบ “ปลอดเหล้า ปลอดภัย” อย่างจริงจัง คนที่มาร่วมงานลอยกระทงส่วนใหญ่มีเจตนาเพื่อทำบุญ เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวตากที่ก่อนลอยกระทงจะมีการทอดผ้าป่าน้ำ เพื่อความเป็นสิริมงคล ดังนั้นการทำบุญจึงควรคู่กับการมีศีล 5 และมีสติ เพื่อให้จิตใจสงบระลึกถึงบุญและพระแม่คงคาได้อย่างแท้จริง การจัดงานลอยกระทงสายของจ.ตาก จึงสอดแทรกค่านิยมนี้ไว้ เพื่อให้ประชาชนตระหนักว่าการลอยกระทงคือการ “ทำบุญก่อนแล้วจึงลอยกระทง”  สำหรับงานประเพณีลอยกระทงสายปี 2568 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 5 พ.ย. ภายใต้แนวคิด “1,000 ประทีป 1,000 ดวงใจ ถวายความอาลัยต่อพระพันปีหลวง” ในงานงดจัดคอนเสิร์ตและการแสดงที่เสียงดัง โดยจะเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสงบ และคงไว้ซึ่งความเคารพในพระราชพิธีสำคัญ นอกจากนี้จะยังคงพิธีทอดผ้าป่าน้ำก่อนการลอยกระทง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาวตาก

นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

                    นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ริเริ่มแนวคิดจัดงานลอยกระทงตามแบบประเพณีดั้งเดิมของชาวล้านนา ที่เน้นความเรียบง่ายและสงบ โดยการ “จุดผางปะตี๊ด” เพื่อบูชาพระรัตนตรัยและขอขมาพระแม่คงคาจากแนวคิดนี้ ได้พัฒนามาเป็นกิจกรรม “ต๋ามผางปะตี๊ด ส่องฟ้า ฮักษาเมือง” ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 การจัดงานได้รับความร่วมมืออย่างอบอุ่นจากคนในชุมชนและสถาบันการศึกษารอบคูเมืองเชียงใหม่กว่า 18 แห่ง และมีกิจกรรม “ฟ้อนห่มเมือง” เปิดโอกาสให้คนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก เยาวชน ไปจนถึงผู้สูงอายุ ได้ร่วมฟ้อนรำถวายเมืองล้านนา อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีและการมีส่วนร่วมของชุมชน ปัจจุบันเครือข่ายมีช่างฟ้อนมากกว่า 1,000 คน โดยระหว่างการฝึกซ้อมได้สอดแทรกแนวคิดเรื่อง “สุขภาวะ” เช่น การงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดูแลสุขภาพ และการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งส่งผลให้ผู้เข้าร่วมจำนวนมากตั้งใจไม่ดื่มสุราในช่วงงานประเพณี เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของงานบุญที่งดงามและปลอดภัย

                    “สำหรับปีนี้กำหนดจัดงาน 2 ช่วง วันที่ 31 ต.ค. – 2 พ.ย. ณ ลานกิจกรรมหอพื้นถิ่นล้านนา ตรงข้ามอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ มีกิจกรรมทำผางประทีป และพิธีใหญ่ระหว่างวันที่ 3–5 พ.ย. ซึ่งจะจัดพิธีจุด “ผางปะตี๊ดส่องฟ้า ฮักษาเมือง” รอบแจ่งคูเมืองเชียงใหม่ภายในงานจะมีการแสดงฟ้อนรำจากเครือข่ายช่างฟ้อนกว่า 700 คน พร้อมกิจกรรมเวิร์กช็อปทำผางประทีป และกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมเรียนรู้ สัมผัส และเป็นส่วนหนึ่งของมรดกภูมิปัญญาแห่งล้านนา อันสะท้อนถึงพลังของชุมชนในการสืบสานวัฒนธรรมอย่างงดงามและยั่งยืน” นางเสาวคนธ์ กล่าว

พญ.ดวงพร ปิณจีเสคิกุล ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม.

                    พญ.ดวงพร ปิณจีเสคิกุล ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า ปีนี้ กทม. เปิด 33 สวนสาธารณะถึงเที่ยงคืน ให้ประชาชนร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง ชวนลอยกระทงรักษ์โลก ร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม และเน้นเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่จัดงาน โดยขอความร่วมมือและเชิญชวนประชาชนร่วมลอยกระทง 1 ครอบครัว 1 กระทง มาด้วยกันลอยด้วยกัน และเพื่อความปลอดภัย ห้ามจุด ปล่อยและจำหน่ายโคมลอย บั้งไฟ โคมไฟ โคมควัน ประทัด พลุ พร้อมเชิญชวนใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ งดใช้ขนมปัง อาหารปลาหรืออาหารสัตว์ในการทำกระทงเพื่อร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา กทม. ได้ร่วมสนับสนุนนโยบายในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่สาธารณะ ร่วมกับ สสส. มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม และเครือข่ายงดเหล้ามาโดยตลอด โดยส่งเสริมให้พื้นที่สาธารณะ สวนสาธารณะทุกแห่งเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย “ปลอดแอลกอฮอล์ บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” มีการรณรงค์ สร้างการรับรู้ให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า ผู้จัดงาน ให้ความร่วมมือเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชน และปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ งดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และห้ามสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าภายในพื้นที่จัดงาน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดค่านิยมที่ดี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขภาพ และส่งเสริมความปลอดภัย ในพื้นที่สาธารณะของประชาชน รวมถึงสืบทอดคุณค่าของประเพณีลอยกระทงให้ดีงามต่อไป

Shares:
QR Code :
QR Code