ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค แค่บริโภคสมุนไพร

ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง


ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ


ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค แค่บริโภคสมุนไพร thaihealth


จากพฤติกรรมการบริโภคและการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คนในปัจจุบัน นำไปสู่ปัญหาน้ำหนักเกินและโรคอ้วน นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable diseases) หรือ NCDs ทั้งโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็ง ที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ


ผศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ ม.มหิดล อธิบายถึงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ผ่านกิจกรรม "ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค แค่บริโภคสมุนไพร" ที่จัดขึ้นโดย ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ให้ฟังว่า อัตราความเสี่ยงเกิดจากพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสมได้แก่ 1.บริโภคอาหารไม่สมดุล บริโภคมากเกินไป 


ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค แค่บริโภคสมุนไพร thaihealth


2.บริโภคอาหารที่ไม่ปลอดภัย 3.ขาดการออกกำลังกาย และ 4.มีภาวะเครียดจนส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งการป้องกันสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงรู้จักควบคุมน้ำหนัก กินอาหารให้ครบหมวดหมู่ ลดหวานมันเค็มเพิ่มผักผลไม้ และออกกำลังกาย นอกจากนั้นยังพบว่าคนไทยมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อโรคเบาหวานค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นโรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงที่เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ และร่างกายไม่สามารถนำอินซูลินไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการป้องกันและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจึงเป็นเรื่องสำคัญ


อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ ยังแนะนำโภชนาการสำหรับผู้เป็นเบาหวานด้วย 4 เทคนิคง่ายๆคือ 1.ลดน้ำหนักหากมีน้ำหนักมากกว่าปกติ 2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อรักษาน้ำหนักที่ลดลงไม่ให้เพิ่มขึ้น 3.คอยระวังปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่รับประทาน เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ และ 4.ควรได้รับคาร์โบไฮเดรตจากธัญพืชทั้งเมล็ด พืชผัก ผลไม้ ถั่ว และนมที่มีไขมันต่ำ เพราะการกินผักและผลไม้จะทำให้ได้รับวิตามินแร่ธาตุ สารพฤกษเคมีต่างๆ ที่ทำให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้ดี และมีความสมดุล ที่สำคัญควรเลือกกินให้หลากหลาย ส่วนผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนักหรือมีภาวะเบาหวานควรเน้นกินผักมากกว่าผลไม้


ผศ.ดร.วันทนีย์ ยังได้ยกตัวอย่างของผักสมุนไพรที่สามารถช่วยลดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดถึง 10 ชนิด ได้แก่…


1.มะระขี้นก ส่วนสกัดด้วยน้ำของผลมะระมีสารที่มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งการทดลองในคนโดยใช้ผลแห้งบดเป็นผลและน้ำคั้น ในผู้ป่วยเบาหวานระดับปานกลาง ประเภทไม่พึ่งอินซูลิน ซึ่งสามารถกินได้ทั้งแบบสดหรือจะลวกกินกับน้ำพริกก็ได้


2.ใบชะพลู เป็นผักพื้นบ้านที่นิยมกินแบบสดๆทั้งเมี่ยงคำ ซอยใส่ข้าวยำ รองก้นกระทงห่อหมกเป็นต้น มีฤทธิ์แอนตี้ออกซิแดนท์ (antioxidant) สูงทั้งยังมีปริมาณแคลเซียม วิตามินเอ วิตามินซีสูงด้วย


3.ผักเชียงดา ช่วยฟื้นฟูเบต้าเซลของตับอ่อน(อวัยวะที่สร้างอินซูลิน) ซึ่งสารไตรเตอร์ปินนอยด์(triterpenoids)จากใบช่วยยับยั้งการดูดซึมน้ำตาลจากทางเดินอาหาร


4.ย่านาง จัดอยู่ในสารกลุ่ม พอลิแซ็กคาไรด์(polysaccharide)ประกอบด้วยน้ำตาลไซโรสxylose จัดอยู่ในกลุ่มอาหารละลายน้ำ ช่วยขัดขวางการดูดซึมของน้ำตาล


5.เห็ดนางรมและเห็ดแชมปิญอง มีการศึกษาพบว่าเห็ดเหล่านี้มีผลช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยสามารถนำมาย่าง ต้มยำ ผัด หรือตำน้ำพริกตามความชอบ


6.หอมหัวใหญ่ พบว่าสารพรอสตาแกลนดินในหอมหัวใหญ่สามารถลดความดันเลือดป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด


7.กะเพรา นิยมใช้กะเพราแดงนำมาเป็นส่วนประกอบในการทำอาหาร เช่น ผัดกะเพรา ไข่เจียวกะเพราะหมูสับ สปาเกตตีขี้เมาหมูสับ เป็นต้น


8.ตำลึง ส่วนใบ ราก และทั้งต้นช่วยลดน้ำตาลได้ดีโดยปริมาณใบตำลึงที่แนะนำให้กินเพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดคือ 20 กรัม/วัน


9.ว่านหางจระเข้ พบว่ามีฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดและกระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย


10.ถั่วลันเตา ถั่วแขก และถั่วฝักยาว มีโปรตีนใยอาหารสูงและมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน จัดเป็นอาหารที่มีไกลซีมิคต่ำ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้


ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค แค่บริโภคสมุนไพร thaihealth


"หัวใจสำคัญของการบริโภคผัก ผลไม้ หรือสมุนไพร คือการเลือกกินให้หลากหลายเพื่อที่จะได้รับประโยชน์อย่างครบถ้วน ซึ่งต้องรู้พื้นฐานร่างกายของตัวเองด้วยว่าสามารถกินได้มากน้อยเพียงใด เพราะสมุนไพรบางชนิดอาจจะไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน แทนที่จะให้ประโยชน์แต่กลับไปเร่งโทษแก่ร่างกาย นอกจากนั้นก็ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ด้วยปริมาณที่เหมาะสม พร้อมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง" อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการเน้นย้ำ


ส่วนนางจันจิรา เร่งร้อน หรือ ป้าแดง แม่บ้านวัย 59 ปี เล่าประโยชน์ที่ได้รับหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมให้ฟังว่า ได้ความรู้ในการกินผักสมุนไพรมากขึ้นเพราะปกติก็กินผักเป็นประจำอยู่แล้วแต่พอได้รู้ข้อมูลก็ทำให้เราใส่ใจการกินเพิ่มขึ้นอีกว่าผัก สมุนไพร ชนิดไหนที่ส่งผลดีต่อร่างกายและยังทำให้เราต้องระมัดระวังการกินให้มากขึ้น เพราะยิ่งอายุมากขึ้นระบบการเผาผลาญร่างกายก็น้อยลงการเน้นผัก ผลไม้ ลดแป้ง ควบคู่กับการออกกำลังกาย เหล่านี้ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีได้


เช่นเดียวกันกับ นางสาวลิกุล ศุภมณี ป้าแทมมี่ อดีตพนักงานบริษัท วัย 66 ปี บอกว่า กิจกรรมทำให้ได้รับความรู้ทั้งจากวิทยากรและผู้เข้าร่วมที่มีประสบการณ์ตรงจากการใช้สมุนไพรในการดำเนินชีวิตแล้วนำมาแลกเปลี่ยนกัน ได้รู้ว่าผัก สมุนไพรชนิดไหนที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เพราะยิ่งอายุมากขึ้นการกินอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นเรื่องสำคัญ


ถึงแม้ว่าอาหารจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินชีวิต แต่การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสมย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพโดยเฉพาะผัก ผลไม้และสมุนไพรไทย ที่หาได้ง่ายๆแถมยังเป็นตัวช่วยที่ดีต่อการรักสาสมดุลในร่างกายได้ดีอีกด้วย

Shares:
QR Code :
QR Code