ลงพื้นที่ชุมชนต้นแบบ’จัดการความเสี่ยง’
สคอ.ลงพื้นที่ชุมชนต้นแบบ'จัดการความเสี่ยง'เดินหน้าสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน
นายศิวาโรจน์ มุ่งหมายผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดการประชุมโครงการสร้างความร่วมมือภาคีเครือข่ายสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อความปลอดภัยทางถนน เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)และสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย (สนพท.) สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และแผนงานสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ขับเคลื่อนนโยบายทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน และผลักดันให้มีการดำเนินงานเชื่อมประสานกลไกการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนระดับจังหวัดและระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.)กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้มีแนวทางการขับเคลื่อนสื่อสารประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่การทำงานที่เป็นต้นแบบการจัดการความปลอดภัยทางถนนสู่สาธารณะและได้ข้อเสนอเชิงนโยบายจากทั่วประเทศนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน และจะนำคณะสื่อมวลชนและเครือข่ายกว่า 60 คนร่วมเรียนรู้ชุมชนต้นแบบด้านจัดการความเสี่ยง ณ บ้านหนองหญ้าลังกา ม.7 ต.ลำน้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่ความเสี่ยงการเกิดอุบัติทางถนน แต่สามารถดำเนินงานแก้ไขป้องกันและลดอุบัติเหตุจนเป็นผลสำเร็จได้ ดังนั้นแนวทางป้องกันแก้ไขท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้องต้องมีส่วนร่วม คนในพื้นที่ต้องตระหนักในการใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัย และสื่อมวลชนคือกุญแจสำคัญในการนำข้อมูลเผยแพร่ สร้างการรับรู้ เกาะติดและผลักดันนโยบายสู่การปฏิบัติเพื่อช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนได้
นางนิตยาภรณ์ สีหาบัว ผู้แทนแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ขอนแก่น กล่าวว่า สอจร.มียุทธศาสตร์สร้างและขยายทีมงานสหสาขาวิชาชีพที่มีคุณภาพให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และเสริมพลังให้ผลักดันพันธกิจสู่เป้าหมาย "จังหวัดปลอดอุบัติเหตุทางถนน" เน้นมีส่วนร่วมภาคีเครือข่ายทุกระดับ ลดความเสี่ยงหลักที่ส่งผลต่อการบาดเจ็บเสียชีวิต สร้างและผลักดันให้เกิดนโยบายสาธารณะในทุกระดับ ซึ่งในการทำงานได้เชื่อมประสานกับทีมภาคีอำเภอน้ำพอง โดยคณะทำงานระบบข้อมูลสารสนเทศจังหวัดขอนแก่น มีผู้รับผิดชอบข้อมูลของโรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเป็นคณะทำงาน ประชุมร่วมกันทุกเดือน มีหัวหน้างานอุบัติเหตุฉุกเฉินโรงพยาบาลน้ำพอง เป็นผู้รับผิดชอบข้อมูลและจัดทำแผนที่จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย (Mapping) ของอำเภอ เพื่อวางแผนแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงของแต่ละพื้นที่ทั้งนี้พื้นที่เทศบาลตำบลลำน้ำพองซึ่งเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลน้ำพอง ได้
เสนอข้อมูลการวิเคราะห์แผนที่จุดเสี่ยงให้กับภาคีเครือข่ายของเทศบาล ซึ่งประกอบด้วย รพ.น้ำพอง หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย อาสาสมัครผู้นำชุมชน ในพื้นที่ ได้ร่วมกันทำประชาคมวางแผนแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ เช่น แก้ไขจุดเสี่ยงจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ทำป้ายเตือนต่างๆ และมีระบบติดตามประเมินผล ให้คำแนะนำปรึกษาแก่ทุกตำบล เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง
นางสาวศิรประภา เต็มธนกิจไพศาลนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลลำน้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เทศบาลตำบลลำน้ำพอง มีทั้งหมด 13 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 8,000 คน ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม โดยบ้านหนองหญ้าลังกา ม.7 ต.ลำน้ำพอง ซึ่งเป็นพื้นที่ศึกษาดูงานครั้งนี้ มีประชากร 725 คน เมื่อครั้งตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่ ได้เกิดเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตถึง 15 รายโดยไม่ทราบสาเหตุ ชาวบ้านจึงนิมนต์หลวงพ่อที่นับถือทำพิธีตามความเชื่อและสร้างหลักบ้านขึ้น พร้อมตั้งกฎของหมู่บ้านขึ้นโดยเชื่อว่าจะสามารถช่วยไม่ให้มีคนตายเพิ่มขึ้นและภายหลังได้นำกฎมากำหนดเป็นมาตรการชุมชนในการเฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุทางถนนร่วมกันคือ ทุกวันพระห้ามยานพาหนะของบุคคลภายนอกหมู่บ้านเข้ามาในหมู่บ้านและห้ามทำกิจกรรมต่างในหมู่บ้าน เช่น การทอเสื่อ การจักสาน การเกษตรการตัดไม้ ฯลฯเนื่องจากเป็นการส่งเสียงดัง หากใครฝ่าฝืนถือว่าทำผิดประเพณีความเชื่อ จึงทำให้ปริมาณรถในหมู่บ้านช่วงเวลาดังกล่าวมีน้อยลงและลดการเกิดอุบัติเหตุลงได้
นอกจากนี้เมื่อทำการสำรวจอย่างละเอียดพบว่าปัจจัยเสี่ยงคือ หมู่บ้านมีถนนของทางหลวงชนบทผ่าน 1 สาย แยกมาจากถนนมิตรภาพ และเป็นเส้นทางลัดออกไปตัวอำเภอ เส้นทางที่ผ่านเป็นทางสี่แยก มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เนื่องจากไม่มีสัญญาณไฟไม่มีสัญลักษณ์หรือป้ายเตือน ปริมาณรถสัญจรค่อนข้างมาก เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บและเสียชีวิตสูง ทางเทศบาลและภาคีเครือข่ายจึงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลตำบลลำน้ำพองร่วมกับชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ทำการปรับปรุงภูมิทัศน์ ติดตั้งสัญญาณไฟกะพริบขีดสีตีเส้นบริเวณสี่แยก จัดทำป้ายบอกทางพร้อมเฝ้าระวังและรณรงค์ลดอุบัติเหตุในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนดำเนินการมีผู้ประสบเหตุบาดเจ็บ เดือนละ 5 คน แต่หลังการดำเนินงานมาตลอด 1 ปีไม่มีผู้เสียชีวิตและเกิดอุบัติเหตุทางถนนขึ้นในหมู่บ้านอีกเลย.
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
ภาพประกอบจาก http://bit.ly/1NRFnj3