“รู้จักและป้องกันการติดเชื้อซัลโมเนลลา ภัยเงียบจากอาหารใกล้ตัว”

ที่มา: นายแพทย์เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา

                 ซัลโมเนลลา (Salmonella) เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในลำไส้ของสัตว์หลายชนิด หากปนเปื้อนมากับอาหารหรือเครื่องดื่มที่เรารับประทานเข้าไป เชื้อจะก่อให้เกิดการอักเสบของลำไส้ ส่งผลให้มีอาการท้องเสีย

                 อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำ วันละหลายครั้ง
  • ปวดท้องบิด เกร็งแน่นท้อง
  • มีไข้ ปวดเมื่อย คล้ายอาการไข้หวัด
  • อุจจาระมีกลิ่นแรงผิดปกติ

                 อาการมักเริ่มภายใน 6–72 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารปนเปื้อน โดยทั่วไปผู้ที่ร่างกายแข็งแรงอาจหายได้เองภายใน 3–4 วัน แต่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำ เชื้ออาจรุนแรงจนลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดได้

                 อาหารที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนซัลโมเนลลา

                 แม้เชื้อนี้จะถูกทำลายได้ด้วยความร้อน แต่ปัญหาคืออาหารยอดนิยมหลายชนิดมักไม่ถูกปรุงสุกเต็มที่ หรือเก็บรักษาไม่ถูกวิธี ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น

  • เนื้อสัตว์ไม่สุก
    • ไก่ → พบบ่อยที่สุด
    • หมู → นอกจากซัลโมเนลลา ยังเสี่ยงโรค “ไข้หูดับ”

                 ไข่ดิบหรือไข่ไม่สุก

  • ไข่ลวก ข้าวไข่ดิบ น้ำจิ้มไข่ดิบ
  • ขนมหวานที่ใช้ไข่ดิบ เช่น คัสตาร์ด ครีมสด ไอศกรีมโฮมเมด
  • แม้แต่เปลือกไข่ก็มีโอกาสปนเปื้อน

                 ปัจจุบันมี “ไข่พาสเจอร์ไรส์” ที่ผ่านความร้อนฆ่าเชื้อ แต่ยังคงสภาพดิบไว้ เหมาะสำหรับเมนูที่ต้องใช้ไข่ไม่สุก

  • เบเกอรี่หรือเค้กที่ใช้ไข่ดิบและอบไม่ทั่วถึง
  • อาหารค้างคืน โดยเฉพาะหน้าฝน
    อากาศร้อนชื้นเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อเติบโตเร็ว หากเก็บไม่สะอาดหรือแช่ตู้เย็นไม่ทัน อาหารก็กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อได้

                 สังเกตอาการว่าอาจติดเชื้อแล้วหรือไม่ หากมีอาการเหล่านี้ควรสงสัยว่าอาจติดเชื้อซัลโมเนลลา:

  • ถ่ายเหลวเป็นน้ำบ่อยครั้ง กลิ่นแรง
  • ปวดท้องบิดรุนแรง ร่วมกับมีไข้
  • อาการเริ่มขึ้นภายใน 1 วันหลังจากกินอาหารเสี่ยง

                 ควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการหนัก เช่น ถ่ายจนเพลีย ปัสสาวะน้อย อุจจาระมีเลือดปน หรือมีไข้สูง

                 ทำไมบางคนเป็นเบา แต่บางคนต้องนอนโรงพยาบาล? ความรุนแรงขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก:

  1. ปริมาณเชื้อที่ได้รับ – กินเชื้อมากก็อาการหนัก
  2. ภูมิคุ้มกันของร่างกาย – คนสุขภาพดีอาจหายเอง แต่เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยโรคเรื้อรังมักเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล

                 วิธีป้องกันง่าย ๆ

  • ปรุงอาหารให้สุกเสมอ โดยเฉพาะไก่ หมู และไข่
  • เลี่ยงอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ชาบู ปิ้งย่าง ไข่ลวก
  • เก็บอาหารให้ถูกวิธี อย่าปล่อยไว้นอกตู้เย็นเกิน 2 ชั่วโมง
  • ล้างมือและอุปกรณ์ประกอบอาหารให้สะอาด หลีกเลี่ยงการใช้เขียงเดียวกันกับของสดและของสุก
  • ใช้น้ำสะอาดในการปรุงอาหารและดื่ม

                 ซัลโมเนลลาไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่อยู่ใกล้ในอาหารที่เรารับประทานทุกวัน หากเผลอกินอาหารดิบหรือเก็บไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้ต้องเจ็บป่วยได้ แม้คนแข็งแรงก็ไม่อาจรอดหากได้รับเชื้อปริมาณมาก ดังนั้น “ปรุงให้สุก ล้างให้สะอาด และเก็บให้ถูกวิธี” คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราห่างไกลจากอาการท้องเสียรุนแรงที่ไม่พึงประสงค์

 

Shares:
QR Code :
QR Code