รับ“เฟรชชี่”หน้าใหม่ ให้ปลอดภัย(ต้อง)ไร้แอลกอฮอลล์
ปลอดเหล้าก็ปลอดภัย
สถาบันการศึกษาหลายๆ แห่งเริ่มทยอยเปิดภาคเรียนกันแล้ว และเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการเปิดเทอมแรกของทุกปี ที่บรรดารุ่นพี่ต่างรอเวลาต้อนรับ “เฟรชชี่” เพื่อให้รุ่นน้องได้ทำความรู้จักและสานสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมถึงเรียนรู้วิธีการปฎิบัติตัวในสังคมสถาบันการศึกษานั้นๆ
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่ากิจกรรมการรับน้องในแต่ละปีที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาขึ้นทุกปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรุนแรงในการรับน้อง การบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมหรืออันตราย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดความสูญเสีย ทั้งด้านจิตใจ คือทำให้รุ่นน้อง หวาดกลัว วิตก และด้านร่างกายที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ปัญหาที่เกิดขึ้นในการรับน้องเหล่านี้เอง ที่ทำให้ผู้ปกครองหรือนิสิตใหม่ยังกังวลและเป็นห่วงว่า การเข้าเรียนของบุตรหลานของตนจะปลอดภัยแค่ไหน เพราะถึงแม้จะมีหลายหน่วยงานที่เข้ามาแก้ปัญหาในทุกๆ ปี แต่ปัญหาเดิมๆ เหล่านี้ก็ยังเกิดขึ้น
โดยจะเห็นได้ว่ามีตัวการที่สำคัญตัวการหนึ่ง ที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ในการรับน้องก็คือ สิ่งเสพติด อย่างเหล้าและบุหรี่
นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) อธิบายถึงตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาว่า ปัญหาในการรับน้องส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นส่วนใหญ่ และนำไปสู่ความสูญเสียในหลายๆ ด้าน ยิ่งถ้าต้องมาเกี่ยวข้องกับการทำกิจกรรมในสถาบันการศึกษาที่เป็นหมู่คณะแล้ว ย่อมเป็นเรื่องง่ายที่จะมีปัญหาเกิดขึ้น
“ก่อนหน้าที่จะมีโครงการรับน้องปลอดเหล้า ที่ทางสำนักงานสนับสนุนกองทุนสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และทาง สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.) ได้ร่วมกันจัดขึ้นนั้น จากการสำรวจ พบว่าครึ่งหนึ่งของนักศึกษาทั้งชายหญิง มีการใช้เหล้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการรับน้อง จนทำให้เกิดปัญหามากมาย เช่น การไปจัดกิจกรรมรับน้องนอกสถานที่ เมื่อมีการดื่มของมึนเมาเข้ามาร่วมก็ทำให้เกิดการทำร้ายร่างกาย การทะเลาะวิวาทกันเอง เพราะเวลาดื่มเหล้าเข้าไป จะทำให้ไปกระตุ้นอารมณ์ความรุนแรงและยังทำให้ควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่ จนทำให้เกิดความสูญเสียตามมา แต่หลังจากที่โครงการรับน้องปลอดเหล้าได้ถูกจัดขึ้น ในหลายๆ ปีที่ผ่านมานั้น พบว่าตัวเลขสถิติการใช้เหล้าในการรับน้องลดลง 10-20% นอกจากนั้นยังทำให้ยอดตัวเลขจากความสูญเสียจากการรับน้องลดลงอีกด้วย” นพ.ทักษพล อธิบาย
ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา บอกให้ฟังอีกว่า ขณะนี้การรณรงค์เรื่องรับน้องปลอดเหล้าทำในสถาบันการศึกษาอย่างเดียว ถ้าอยากให้เห็นผลในการแก้ปัญหาจริงๆ อาจต้องมีการรณรงค์ไปอีกหลายๆ เรื่อง เช่น เรื่องของการคุมร้านเหล้ารอบสถานศึกษา เพราะบางทีการรับน้อง ไม่ได้จบแค่เพียงในสถาบันการศึกษา แต่อาจจะเป็นการที่รุ่นพี่พารุ่นน้องไปสร้างความสัมพันธ์โดยการพารุ่นน้องไปดื่มเหล้าภายนอกสถาบัน ที่อยู่รอบๆ ถ้าหากเราสามารถจัดการร้านเหล้ารอบๆ มหาวิทยาลัยได้ ก็สามารถที่ลดปัญหาเรื่องนี้ได้ในส่วนหนึ่ง
สุดท้ายคือการรณรงค์ให้รุ่นพี่ที่จบไปแล้ว ไม่นำเอาการรับน้องแบบเดิมๆ หรือสิ่งเสพติดไม่ว่าจะเป็นสุรา หรือ ของมึนเมาอื่นๆ เข้าเกี่ยวข้องอีก เพราะบางทีรุ่นพี่ที่กลับมาเหล่านั้น อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ชักชวนให้รุ่นน้องดื่มเหล้าหรือยาเสพติดประเภทอื่นๆ ได้อีก
นพ.ทักษพล บอกอีกว่า ทาง สสส.และ สคล. ยังได้รณรงค์ให้มีการรับน้องอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช้ความรุนแรงในการรับน้อง โดยต้องเปลี่ยนภาพลักษณ์การรับน้องให้ดีและเหมาะสมขึ้น โดยให้ทางสถาบันการศึกษาเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยดูแลและสอดส่องให้มากขึ้น
กิจกรรมการรับน้องถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง แต่อย่าให้กิจกรรมอันดีนี้ ต้องถูกสังคมตั้งคำถามเพียงเพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพยังเปิดรับสนับสนุนกิจกรรม รับน้องปลอดเหล้าปีการศึกษา 2553 สำหรับสถาบันการศึกษาใดที่สนใจสามารถเข้าดูรายละเอียดได้ที่www.thaihealth.or.th
ที่มา: คมสัน ไชยองค์การ Team content www.thaihealth.or.th
Update: 7-06-53
อัพเดตเนื้อหาโดย: คมสัน ไชยองค์การ