ระยะห่างทางสังคม หยุดวงจรระบาดโควิด-19

ที่มา : ไทยโพสต์


ระยะห่างทางสังคม หยุดวงจรระบาดโควิด-19 thaihealth


แฟ้มภาพ


สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 ของไทย แนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการคาดการณ์แนวโน้มการระบาดโควิด-19 ของไทยเมื่อถึงกลางเดือนเมษายน อาจจะมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 3.5 แสนคน


หากคนไทยไม่สามัคคีช่วยกันป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ไทยอาจเจอวิกฤติร้ายแรงเหมือนอิตาลี ซึ่งแนวทาง Social Distancing หรือระยะห่างปลอดภัย แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และกระทรวงสาธารณสุข เป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญลดแพร่เชื้อโควิด-19 เพราะผู้ติดเชื้อ 70-80% เกิดจากสัมผัส ไม่ใช่ไอ จาม การปฏิบัติตามข้อแนะนำรักษาระยะห่างจะไม่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งพรวด


เมื่อแนวทางป้องกันโควิดมีเรื่องรักษาระยะห่างทางสังคมเป็นหัวใจ และการเอาชนะสงครามไวรัสรัฐทำลำพังไม่ได้ เหตุนี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมสนับสนุนแนวปฏิบัตินี้ นำร่องในสถานพยาบาลเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค เนื่องจากมีทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย เข้ามาใช้พื้นที่หนาแน่นในแต่ละวัน โดยดำเนินการออกแบบและกำหนดตำแหน่งตามหลัก Social Distancing ภายในลิฟต์โดยสาร เป็นรูปแบบการเดินเข้าลิฟต์ ยืนประจำตำแหน่งที่กำหนดไว้ เมื่อใช้บริการ


ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ (สสส.) กล่าวว่า ในสถานการณ์ระบาดโควิด สสส.ได้ทำงานร่วมกับกรมควบคุมโรค สนับสนุนการสื่อสารทุกรูปแบบ และปรับการรณรงค์ทั้งหมดมาสื่อสารกระตุ้นให้คนไทยลดการแพร่ระบาดโรค โดยเฉพาะประเด็นระยะห่างทางสังคม ซึ่ง WHO ได้แนะนำระยะห่างทางสังคมว่า เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 ฟุต หรือ 3 ฟุต เพื่อป้องกันการรับเชื้อ  สสส.ได้เดินหน้าสื่อสารแนวปฏิบัติรักษาระยะห่างในสื่อความรู้หลายรูปแบบ รวมถึง Facebook Page 'รู้สู้ COVID-19' ที่จะสื่อสารด้วยข้อมูลที่ชัดเจน เข้าใจง่ายในวงกว้าง รวมถึงชวนให้ทุกคนร่วมกันรับผิดชอบเพื่อส่วนรวม


อีกการดำเนินงานสำคัญ ดร.นพ.ไพโรจน์กล่าวว่า ศูนย์สร้างเสริมสุขภาวะเมือง HEALTHY SPACE FORUM  คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ สสส. ดำเนินการจัดทำพื้นที่เพื่อการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของ COVID-19 ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากสถาบันโรคทรวงอก สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ทาง สสส.ได้เข้าไปปรับปรุงลายพื้นลิฟต์โดยสาร ทั้งหมด 10 จุด ได้แก่ ลิฟต์อาคาร 2 (อาคารปอด) 2 จุด ลิฟต์อาคาร 7 (อาคารหัวใจ) 3 จุด ลิฟต์อาคาร 8 (อาคารรวม) 3 จุด ลิฟต์อาคาร 9 (อาคารรวมและแลปตรวจ) 2 จุดเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญต่อการเว้นระยะทางทางสังคม และสามารถใช้ลิฟต์โดยสารได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ สสส.ได้เข้าไปปรับปรุงลายพื้นลิฟต์โดยสารให้โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย


"เราได้จัดทำ 'ระยะห่างปลอดภัย (Social Distancing' ในรูปแบบของไฟล์ AI เพื่อให้องค์กร หรือประชาชนที่สนใจได้ดาวน์โหลดไปใช้งานได้ทันที สามารถนำไปพิมพ์เอง หรือให้ร้านพิมพ์เป็นสติกเกอร์


มาติดบริเวณที่มีคนใช้พื้นที่หนาแน่น หรือการจัดระยะห่างของการเข้าคิวต่อแถวต่างๆ ก็สามารถใช้ได้ตามสะดวก ดาวน์โหลดได้ที่ การป้องกันตัวอย่างถูกวิธี https://www.healthyspaceforum.org/แจกฟรี-social-distancing/เพราะนี่คือ" ดร.นพ.ไพโรจน์กล่าว และยืนยันหากยึดหลัก Social Distancing จะช่วยประเทศผ่านพ้นวิกฤตินี้ได้


ด้าน ผศ.ดร.วรภัทร์ อิงคโรจน์ฤทธิ์ ผู้ช่วยอธิการบดีด้านการบริหารระบบกายภาพ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า Social distancing เป็นแนวคิดและแนวปฏิบัติในการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่บุคลากรทางการแพทย์ได้แนะนำให้ปฏิบัติในกรณีที่เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้คน  เช่น การพูดคุย และการสัมผัส ซึ่งสามารถกระทำได้โดยการจำกัดการรวมตัวของกลุ่มคนในสถานที่ต่างๆ การจำกัดการเข้า-ออกอาคาร การปิดอาคาร การงดกิจกรรมที่ต้องมาเจอกันในทุกรูปแบบ ซึ่งจุฬาฯ ปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้เป็นแบบออนไลน์ ปรับเลื่อนเวลาการทำงาน ลดการประชุมขนาดใหญ่


ผศ.ดร.วรภัทร์กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีการเรียนการสอน  ยังมีบุคลากรที่จะต้องมาปฏิบัติงานทางด้านธุรการ และต้องทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เป็นที่มาของโครงการที่ดำเนินการ โดยสำนักบริหารระบบกายภาพ โดยประยุกต์ใช้แนวคิด social distancing สำหรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การกำหนดระยะในการเข้าแถวซื้ออาหาร การกำหนดตำแหน่งที่นั่งบนโต๊ะภายในโรงอาหารส่วนกลางของจุฬาฯ  และการกำหนดตำแหน่งและทิศทางของการยืนภายในลิฟต์โดยสาร


โดยอ้างอิงจากเกณฑ์ที่แนะนำโดย WHO  และ United States Center for Disease Control (US-CDC) ที่ให้เว้นระยะห่างประมาณ 1-2 เมตร (3-6 ฟุต) ระหว่างบุคคล ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่บุคคลนั้นอาจจะมีอาการไอจามหรือไม่ก็ตาม ส่วนโต๊ะอาหารในโรงอาหารรวมของจุฬาฯ 7 แห่ง และจำนวนโต๊ะ เก้าอี้ เกือบหนึ่งพันตัว ด้วยระยะเวลา แรงงาน และวัสดุที่จำกัด เราติดเทปกาวผ้าบนโต๊ะอาหารแบบง่ายๆ โดยจัดระยะห่างระหว่างบุคคลเวลานั่ง 1-1.5 เมตร และไม่ได้ทำสัญลักษณ์พิเศษเพิ่มเติม  บุคลากรของจุฬาฯ รวมถึงบุคคลภายนอกส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือ และพร้อมปฏิบัติตามแนว social distancing แบบอัตโนมัติ เช่น การเดินเข้าลิฟต์ ยืนประจำตำแหน่งที่กำหนดไว้ และหันหน้าเข้าผนัง ในส่วนของการนั่งบนโต๊ะอาหาร ก็มีการนั่งในตำแหน่งที่กำหนดไว้


การจัดทำพื้นที่เพื่อการเว้นระยะห่างทางสังคม ทำได้เลย ไม่ต้องรอ ผู้ช่วยอธิการบดีบอกว่า แนวทางปฏิบัติของจุฬาฯ เราพยายามหาวิธีที่สามารถปฏิบัติให้ได้เร็วที่สุด ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด เกิดผลประโยชน์ให้มากที่สุด และดูแลรักษาง่ายที่สุด การออกแบบของ social distancing ต้องคำนึงถึงการใช้งานที่ไม่ฝืนธรรมชาติของการเคลื่อนไหว ระยะต่างๆ ที่จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ก็ยังต้องเว้นระยะห่างเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโรค สุดท้ายเรื่องความสวยงามของการออกแบบจะเป็นประเด็นที่รองไปจากการต้องการสื่อสารของการอยู่ห่างกันสักพักในรูปแบบสากล เรียบง่าย


"ประเด็นสำคัญที่สุดของการออกแบบในกรณีของ social distancing น่าจะเป็นในเรื่องของการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของความเสี่ยง และนำไปสู่การปฏิบัติทางด้านการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อแบบอัตโนมัติ น่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในสถานการณ์การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในแบบปัจจุบัน" ผศ.ดร.วรภัทร์กล่าวในท้ายถึงแนวทางรับมือโควิด-19 ที่ทุกคนต้องช่วยกัน.

Shares:
QR Code :
QR Code