รองสำนักพุทธฯ จัดระเบียบ งานบวชปลอดเหล้า-งดอบายมุข
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ภาพประกอบจาก สสส.
เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีเสวนา "บุญไม่เปื้อนบาป ถอนน้ำเมาจากงานบุญ" เพื่อสะท้อนปัญหากรณีกลุ่มวัยรุ่นบุกรุกโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์ และทำร้ายร่างกายนักเรียน ครู รปภ. ผู้อำนวยโรงเรียน ระหว่างการทดสอบความถนัดวิชาชีพครู
พระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษดิ์ กล่าวว่า ชาวพุทธมีแบบอย่างที่ทุกคนทราบคือ พระพุทธเจ้า ตอนพระองค์ออกบวชในช่วงกลางคืนมีเพียงแค่ 3 ชีวิต คือ นายฉันทะ ม้า และพระองค์ ไม่มีสิ่งอื่นใดมาแอบแฝงจากนี้ เพราะการบวช คือ ลด ละ เลิก ไปสู่ทางที่ประเสริฐ พบธรรม ไม่ใช่ไปหาเวรกรรม ไม่มีแบบอื่น มีเพียงแบบเดียวเท่านั้นคือแนวของพระพุทธเจ้า ที่แสวงหาบุญไม่ใช่แสวงหาบาป และได้พระธรรมคุ้มครอง เป็นผู้ฝึกปฏิบัติ ฝึกนิสัยที่ไม่ดีออกไป
เจ้าอาวาสวัดชลประทานฯ กล่าวว่า การบวชไม่ใช่การล้างผลาญทรัพย์ ที่นำทรัพย์สินสมบัติที่สะสมทั้งชีวิตมาละลายทั้งหมดในไม่กี่นาที และไม่ใช่การบวชสะสมทุน หวังจะหากำไรจากคนที่มาร่วมงาน ได้เงิน ซึ่งเป็นการกระทำที่ทำให้ ตัวเองเสียหายและยิ่งห่างจากศาสนา ขณะเดียวกันก็ไม่ควรเอาการบวชมาย่ำยีให้ตระกูลเสียหาย สังคมตกต่ำ ซึ่งจะต้องทำแล้วให้ทุกคนสบายใจ ไม่ใช่สร้างความเสียหาย สร้างบาป และสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ การไม่ให้มีอบายมุข เหล้ายาเข้าไปในงานบวช จนเหมือนปัจจุบันที่กลายเป็นเรื่องสนุกสนาน ในการแห่นาค จนไม่รู้ว่าไปสวรรค์หรือนรก
ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า จากข้อมูลที่เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นต่อการดื่มแอลกอฮอล์ในวัด โดยสำรวจประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 1,000 ตัวอย่าง พบว่า 73% เห็นด้วยว่าไม่ควรมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบุญ เช่น งานบวช งานศพ เมื่อถามว่าเคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานบุญประเพณีหรือไม่ 34.7% ระบุว่า เคยดื่มในงานบวช 36% ระบุว่าเคยดื่มในงานทอดผ้าป่า กฐิน
สำหรับเหตุผลที่งานบุญประเพณีต้องมีเหล้า 30.9% มองว่าเพราะความสนุกสนาน 27.2% เป็นการพบปะสังสรรค์ของคนในท้องถิ่น 19.1% เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และ 13% เป็นการแสดงความมีหน้ามีตาในสังคม ที่น่าห่วงคือ กลุ่มตัวอย่างกว่า 1 ใน 4 หรือ 20.4% ไม่ทราบว่าดื่มเหล้าในวัดผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ กลุ่มตัวอย่าง 79.3% เห็นด้วยว่า งานบุญประเพณี งานบวช งานศพ ต้องปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลสำรวจสะท้อนชัดว่าเราเน้นความสำราญกันจนเกินขอบเขตไปมาก ถึงเวลาแล้วที่จะต้องจัดระเบียบ สร้างค่านิยมงานบวชงานบุญกันใหม่ ก่อนที่วัฒนธรรมประเพณีจะเสื่อมถอยไปมากกว่านี้ ความเชื่อผิดๆ ที่ว่างานบุญงานบวชต้องมีเหล้า
ภก.สงกรานต์ กล่าวว่า ที่สุดแล้วนอกจากจะบาปแล้วยังกลายเป็นตราบาปเมื่อเกิดเรื่องขึ้นในสังคม ไม่เฉพาะต่อคนที่ดื่มและไปก่อเรื่องเท่านั้น แม้แต่พระหรือเจ้าภาพจัดงาน ก็เดือดร้อนไปด้วย หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางศาสนาคงต้องจริงจังในเรื่องนี้ ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมการศาสนา มหาเถรสมาคม ในการ เข้มงวดกับกฎกติกา แค่ขอความร่วมมือ คงไม่พอ ต้องนำกฎหมายที่มีอยู่มาเป็นเครื่องมือป้องกันแก้ไขด้วย
วันชัย เหี้ยมหาญ แกนนำงานบวชปลอดเหล้า ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี กล่าวว่า ต.ทุ่งหลวง เป็นชุมชนชาติพันธุ์ไทยทรงดำ มีการดื่มเหล้าประจำในวิถีชีวิตและพิธีกรรม เวลาจัดงานบวชแต่ละครั้งจะจัด 3-4 วัน ซึ่งค่าใช้จ่ายจะหมดไปกับค่าอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น วันเตรียมงานเลี้ยงเบียร์และเหล้าขาววันละ 10-20 ลัง วันเลี้ยงฉลองนาค 30 ลัง วันแห่นาคเข้าโบสถ์ 10 ลัง ทำให้เกิดผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนคือ การทะเลาะวิวาท
วันชัย กล่าวว่า ยิ่งปัจจุบันเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีสูง รถแห่มีเสียงที่ดังและดนตรีมีจังหวะปลุกเร้า มีโคโยตี้เต้นยั่วยวน ทำให้เมาง่ายและเมามาก ทำให้การยั่วยุทางอารมณ์ ควบคุมสติได้ยาก และเกือบทุกครั้ง มีเหตุการณ์วัยรุ่นเมาและทะเลาะวิวาท ระหว่างพิธีแห่นาครอบโบสถ์ จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ ต.ทุ่งหลวง ปรับเปลี่ยนค่านิยมใหม่ พัฒนาการงานบวชให้เป็นงานปลอดเหล้า ลดจำนวนวันจัดงานเหลือเพียง 1 วัน ลดกิจกรรมลง เช่น การทำขวัญนาค ที่ต้องจ้างหมอขวัญในราคาแพง เปลี่ยนมาเป็นเทศน์สอนนาคโดยพระสงฆ์ และเปลี่ยนจากค่าหมอขวัญ เป็นชาวบ้านช่วยกันติดกัณฑ์เทศน์ ปรับการเลี้ยงโต๊ะจีน เป็นเลี้ยงอาหารพื้นบ้าน และเมนูอาหารจานเดียว ซึ่งคนในชุมชนยอมรับ การจัดงานบุญที่ไม่เปื้อนบาป ไม่มีเหล้ายาเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ไปสร้างความ เสื่อมให้วัดและพระพุทธศาสนา ถือเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง