รวมพลัง ป้องกันความพิการแต่กำเนิด

อาการพิการแต่กำเนิดเป็นเสมือนปัจจัยที่ทำให้พ่อแม่มือใหม่หัวใจสลาย เพราะกว่า 9 เดือนที่เฝ้าฟูมฟัก และประคบประหงมทารกน้อยในครรภ์นั้น ไม่มีใครคาดคิดว่า เด็กน้อยที่เกิดมาจะมีปัญหาซึ่งบางครั้ง ปัญหาอาการพิการในเด็ก อาจส่งผลไปตลอดอายุขัย

ปัจจุบัน แม้อัตราเด็กเกิดใหม่ในบ้านเราจะลดต่ำลง แต่จำนวนทารกแรกเกิดที่มีปัญหาอาการพิการแต่กำเนิดยังคงเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง ซึ่งจากสถิติพบว่า จำนวนดังกล่าวยังคงสูงถึง 24,000-40,000 คนต่อปี ซึ่งเด็กเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการวิเคราะห์ และจำแนกอาการป่วยอย่างทันท่วงที เพราะการดูแลอย่างเท่าทันอาจหมายถึงโอกาสในการบรรเทา หรือหายจากอาการพิการนั้นได้

สมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด (ประเทศไทย) ร่วมกับชมรมเวชพันธุศาสตร์กุมารแห่งประเทศไทย สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดงาน “ประชุมปฏิบัติการระดับชาติเพื่อป้องกันและดูแลรักษาความพิการแต่กำเนิดในประเทศไทย” (national forum on birth defects and disabilities) ครั้งที่ 5 ประจำปี 2556 ณ โรงแรมตวันนา

โดยปีนี้ ยูนิเซฟ ร่วมให้การสนับสนุนและชื่นชมที่ประเทศไทยริเริ่มการนำร่องการเชื่อมต่อข้อมูลในการจัดทำระบบคัดกรองเพื่อรักษาความพิการแต่กำเนิด โดย ภญ. เนตรนภิส สุชนวณิช ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า บุคลากรในวงการแพทย์ที่ยังคงมีไม่ทั่วถึง และยังไม่สามารถกระจายลงไปทำงานในระดับชุมชนได้อย่างใกล้ชิด ทำให้หน่วยงานด้านการสาธารณสุข จำเป็นต้องเร่งเผยแพร่ความรู้ให้กับแต่ละฝ่ายในการรู้จักสังเกต วิเคราะห์ และเฝ้าระวัง เพื่อให้การรักษาพยาบาลในเด็กเล็ก ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรเกิดขึ้นได้อย่างเร่งด่วน และทันท่วงที ซึ่งก็จะทำให้เด็กมีโอกาสหายขาดจากโรคได้มากขึ้น

ศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ หัวหน้าหน่วยเวชพันธุศาสตร์และเมตาบอลิซึม ฝ่ายกุมารเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ให้ความเห็นถึงการแก้ไขปัญหาความพิการแต่กำเนิดว่า อุบัติการณ์ความพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรงที่มีผลต่อการใช้ชีวิตจากทั่วโลกรวมทั้งไทย มีอยู่ประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์

“ยกตัวอย่าง เด็กคนหนึ่งอายุ 2 ขวบ กระดูกหักมา 5 ครั้ง หากไม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกเปราะ (osteogenesis imperfecta) ก็จะมีอาการป่วยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจต้องนั่งรถเข็น และมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว เพราะกระดูกจะหักบ่อยจนไม่สามารถไปเรียนหนังสือหรือทำกิจกรรมใดๆ ได้ แต่หากระบุถึงความพิการได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือระยะแรกๆ ก็จะมีประโยชน์ต่อการรักษา ซึ่งจะช่วยให้เด็กคนนั้นใช้ชีวิตได้ตามปกติ”

จากข้อมูลสถิติทางวิชาการ พบว่า ในบ้านเรามีกลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับการพิการที่พบบ่อย ได้แก่ 1.อาการดาวน์ซินโดรม 2.หลอดประสาทไม่ปิด 3.ปากแหว่งเพดานโหว่ 4.แขนขาพิการแต่กำเนิด และ 5.กล้ามเนื้อเสื่อมพันธุกรรมดูเชนน์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำคู่มือคัดกรอง และจะจัดการอบรมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ประจำตำบล ใน 22 จังหวัดนำร่อง เพื่อให้สามารถนำความรู้ไปใช้ประกอบการวินิจฉัน และรักษาโรคในพื้นที่ที่รับผิดชอบได้

ศ.เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ วสันต์ นายกสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด กล่าวถึงสถานการณ์ด้านสุขภาวะเด็กแรกเกิดในบ้านเราว่า ผลวิจัยตั้งแต่ปี 2513 พบว่าการกินวิตามินโฟเลตก่อนและหลังตั้งครรภ์ 3 เดือน ช่วยป้องกันความพิการแต่กำเนิดได้ หากแต่ในสังคมบ้านเรา ยังไม่รู้หรือตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้มากนัก

“ผลสำรวจที่ผ่านมาพบว่าหญิงตั้งครรภ์ร้อยละ 50 ไม่ได้วางแผนที่จะมีบุตร ฉะนั้นการให้ความรู้ และให้วิตามินที่จำเป็นแก่หญิงตั้งครรภ์จากหน่วยงานภาครัฐจึงเป็นสิ่งจำเป็น และไม่ควรจะดูแลแค่หญิงตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ควรดูแลหญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ด้วย เพราะสังคมไทยปัจจุบันมีปัญหาแม่วัยรุ่นเพิ่มมากขึ้น” นายกสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด กล่าวทิ้งท้าย

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

Shares:
QR Code :
QR Code