รวมขุมพลังดัน“มุมนมแม่”สู่โรงงานกว่า 100 แห่ง
ยังคงขับเคลื่อนการจัดตั้งมุมนมแม่ในสถานประกอบการอย่างไม่หยุดยั้ง สำหรับการผลักดันให้แม่ทำงานให้สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่องไปจนถึง 6 เดือน กับการผนึกกำลังครั้งใหญ่ของกระทรวงแรงงาน ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร กรุงเทพมหานคร และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ที่ได้จัดงานเปิดตัวโครงการมุมนมแม่ในสถานประกอบการขึ้น โดยได้รับพระกรุณาจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จเป็นองค์ประธาน เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพฯ
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เล่าให้ฟัง กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน มีหน้าที่รับผิดชอบภารกิจด้านคุ้มครองแรงงานและสวัสดิการสังคม ได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 อาทิ กำหนดให้ลูกจ้างหญิงมีครรภ์มีสิทธิลาคลอดบุตร ครรภ์ละไม่เกิน 90 วัน ให้นายจ้างจัดงานที่เหมาะสมระหว่างตั้งครรภ์ ให้ได้รับค่าจ้างระหว่างการหยุดงานตามที่กฎหมายกำหนด และส่งเสริมให้ลูกจ้างหญิงมีสถานที่สำหรับเก็บนม เพื่อนำกลับไปให้ลูกดื่ม เป็นต้น
“การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 500 คนขึ้นไปให้ความสำคัญกับการจัดมุมนมแม่ในสถานประกอบการ เนื่องจากต้องการลดความกังวลของลูกจ้างที่เป็นห่วงลูกเวลาทำงาน นอกจากนี้ ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกจ้าง และเพิ่มสายใยรักในครอบครัวให้มีความอบอุ่น เป็นกำลังใจให้กับลูกจ้างปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าว่าในปีนี้จะรณรงค์ให้สถานประกอบการจัดมุมนมแม่ให้กับลูกจ้างในสถานประกอบการ จำนวน 100 แห่ง” เจ้ากระทรงแรงงาน กล่าวอย่างมุ่งมั่น
ด้าน นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เล่าให้ฟังว่า กระทรวงแรงงานได้ขับเคลื่อนเรื่องการจัดทำมุมนมแม่ในสถานประกอบการมาตั้งแต่ ปี 2550 แต่ปรากฏว่า ผลตอบรับไม่เป็นที่น่าพอใจนัก จึงย้อนกลับมาคิดว่า การที่จะผลักดันให้โรงงานกว่า 3 แสนแห่งทั่วประเทศให้มีมุมนมแม่เกิดขึ้นนั้น คงไม่อาจทำได้เพียงลำพัง จึงเกิดเป็นความร่วมมือครั้งนี้ขึ้น
“หลังจากกระทรวงแรงงานได้ส่งจดหมายเชิญชวนให้โรงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเข้าร่วมโครงการ ขณะนี้มีสถานประกอบการมากกว่า 100 แห่ง ตอบรับกลับมาเพื่อเข้าร่วมโครงการแล้ว ซึ่งโรงงานที่เข้าร่วมทั้งหมดนี้จะมีพัฒนาในด้านคุณภาพและจัดมุมนมแม่ให้มีมาตรฐานครบถ้วน โดยการจัดให้มีสถานที่มิดชิดเป็นส่วนตัว สะอาด ถูกสุขอนามัย มีตู้เย็น อ่างล้างมือ เก้าอี้นั่ง น้ำดื่ม เหมาะสำหรับให้แม่ไปใช้บริการ นอกจากนี้จะมีการประสานกับศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย และกระทรวงสาธารณสุข ลงไปให้ความรู้ ประเมิน และช่วยกันแก้ไขปัญหาที่สถานประกอบการณ์พบเจอร่วมกัน” รองปลัด ก.แรงงาน เล่า
นอกจากนี้ นายสมเกียรติ ยังบอกอีกว่า กระทรวงแรงงานจะมีงบประมาณสนับสนุนการจัดทำมุมนมแม่ให้กับสถานประกอบการที่เข้าร่วม แห่งละ 5 พันบาท หรือหากไม่ต้องการเงินก็สามารถเลือกเป็นอุปกรณ์การใช้งานอย่าง ตู้เย็น 1 เครื่อง มูลค่า 5 พันบาท หรือ โซฟา 1 ตัว มูลค่า 3 พันบาท พร้อมเงิน 2 พันบาท หรือ เครื่องนึ่ง 1 เครื่อง มูลค่า 3 พันบาท พร้อมเงิน 2 พันบาท ซึ่งโรงงานที่เข้าร่วมโครงการสามารถเลือกได้อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายของสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม พญ.ยุพยง แห่งเชาวนิช เลขาธิการศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ได้ออกมาระบุว่าประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีมหาศาล เพราะนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ช่วยในเรื่องพัฒนาการทางด้านสติปัญญา อารมณ์ และทำให้ลูกมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย แต่น่าเสียดายที่ในปัจจุบันที่อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวใน 6 เดือนแรกหลังจากคลอด อยู่ในระดับที่ต่ำมากเพียงร้อยละ 5.4 เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
“การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เป็นเรื่องของคุณภาพ สุขภาพเด็กไทย ถ้าเราไม่สามารถสร้างพลเมืองให้มีคุณภาพ เราจะไม่มีโอกาสได้แรงงานที่มีฝีมือในอนาคต ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจำให้มีมุมนมแม่อยู่ในสถานประกอบการซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก เพียงผู้บริหารมีความจริงใจ ตั้งใจและเล็งเห็นถึงประโยชน์ จัดสถานที่ให้เหมาะสม แค่นี้ก็เกิดเป็นมุมนมแม่ได้แล้ว” พญ.ยุพยง กล่าวแนะนำ
ไม่เพียงเท่านี้ พญ.ยุพยง ยังบอกอีกว่า จากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยฟิตส์เบิร์ก สหรัฐอเมริกา พบว่า แม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จะลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม โรคกระดูกพรุน เบาหวาน ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจมากกว่าหญิงที่ไม่ได้ป้อนนมลูกจากอกตัวเอง ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นเพราะการป้อนนมลูกนั้นเป็นการลดไขมันที่สะสมตามร่างกาย จึงลดความเสี่ยงของมารดาในการเกิดโรคหัวใจ และแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เกิน 1 ปีจะลดความเสี่ยงการเป็นโรคความดันโลหิตสูง 12% ลดความเสี่ยงเบาหวานและคอเลสเตอรอลสูง 20% อีกด้วย
ลองมาฟังเสียงจากตัวแทนสถานประกอบการ อย่างนายจีรเศรษฐ บูรณะสัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแมริกอท จิวเวลรี่ ประเทศไทย จำกัด ดูบ้างว่าการจัดมุมนมแม่ในสถานนั้น ดีอย่างไร
“กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานในแมรีกอทเป็นผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เมื่อแต่งงา มีครอบครัวนั่นแปลว่า จะต้องตามมาด้วยการตั้งครรภ์ ที่ผ่านมาก่อนที่บริษัทจะเข้าโครงการ พนักงานผู้หญิงเมื่อตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรแล้ว ก็มักจะมีปัญหาเรื่องการขาด ลา สาย หรือแม้กระทั่งลาออกเพื่อไปดูแลลูก แต่เมื่อเข้าร่วมโครงการแล้วปัญหาเหล่านี้ก็ลดลง และเมื่อเปรียบเทียบการลาของสถิติหญิงตั้งครรภ์ที่เข้าร่วมโครงการ 14 คน พบว่า ลากิจ 14 วัน ลาป่วย 7 วัน ลาพักร้อน 13 วัน ในขณะที่หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่เข้าโครงการเพียง 3 คน ลากิจ 32 วัน ลาป่วย 34 วัน ลาพักร้อน 42 วัน จะเห็นได้ว่า แตกต่างกันอย่างชัดเจน” นายจีรเศรษฐ เล่าถึงความแตกต่าง
นอกจากนี้ นายจีรเศรษฐ ยังเล่าอีกว่า ไม่เพียงการลาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย เพราะหากเปรียบเทียบระหว่างแม่ที่เข้าร่วมโครงการ และแม่ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ จะพบว่าในสินค้า 10 ชิ้น แม่ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ จะทำสินค้าเสียกว่า 7 ชิ้น ในขณะที่แม่ที่เข้าร่วมโครงการแทบจะไม่ทำชิ้นงานเสียเลย เนื่องจากการจัดทำมุมนมแม่เพื่อช่วยเหลือพนักงาน ทำให้พนักงานเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร และตอบแทนบริษัทในรูปแบบของความรักและความตั้งใจในการทำงาน
นายจีรเศรษฐ ยังกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า การจัดมุมนมแม่นั้นไม่ใช่เรื่องยาก และไม่มีการลงทุนที่สูงเกินไป เพียงแบ่งพื้นที่ในห้องพยาบาลที่มีอยู่แล้วในทุกบริษัทจัดเป็นมุมนมแม่ให้กับพนักงานเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้เมื่อเทียบกับสิ่งที่บริษัทได้รับกลับมา ทั้งความรัก ความจงรักภักดี ฝีมือการทำงานที่ดีขึ้น ข้อผิดพลาดที่น้อยลงล้วนส่งผลดีต่อบริษัทแทบทั้งสิ้น
ด้านตัวแทนคุณแม่ทำงาน นางจุฬารัตน์ หิรัญเถกิงพันธ์ พนักงานบริษัท สยามเด็นโซ่ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บอกว่า รู้สึกอุ่นใจที่บริษัทได้จัดมุมนมแม่ขึ้น นั่นแสดงว่าเราจะสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ยาวนานติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน เพราะจากการศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ก็พบว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มีผลต่อพัฒนาการที่ดีของลูก ด้วยความเป็นแม่ ย่อมอยากเห็นลูกเติบโตมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส จึงตัดสินใจเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยใช้บริการมุมนมแม่ของบริษัทในการบีบเก็บน้ำนมใส่ถุงไว้ให้ลูกดื่มเมื่อกลับบ้าน
“นอกจากความรัก ความผูกพันที่ก่อเกิดมากขึ้นในระหว่างให้นมลูก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยังช่วยคุณแม่ประหยัดในการงบประมาณค่าใช้จ่ายเรื่องนมผงถึง 2,500-3,000 บาทต่อเดือน แถมลูกยังมีร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยบ่อย นอกจากนี้เวลาเข้ามุมนมแม่ ยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันระหว่างแม่ที่เข้ามุมนมแม่ด้วยกัน เกิดเป็นความสามัคคีของพนักงานในบริษัทอีกด้วย” นางจุฬารัตน์ เล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
นอกจากนี้ภายในงานยังจัดให้มีการเสวนา เรื่อง “นานาทรรศนะมุมนมแม่ในสถานประกอบการ” และจัดบูธนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก หากสถานประกอบกิจการใดสนใจเข้าร่วม “โครงการมุมนมแม่” สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือต้องการสื่อเรื่อง “นมแม่” เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์ ติดต่อขอรับได้ที่ศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย โทร. 02-354-8404
นับเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญของการรวมพลังที่จะช่วยกันผลักดันให้เกิดมุมนมแม่ในสถานประกอบการ เพื่อให้ในอนาคต ประเทศไทยจะเต็มไปด้วยแรงงานที่มีคุณภาพจากการหล่อหลอมจากหยาดน้ำทิพย์ที่ทรงคุณค่าที่สุด “นมแม่”…
เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th
Update 26-06-52