ย่านเดินดี สู่เมืองเดินสบาย
เรื่องโดย ฉัตร์ชัย นกดี Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลและภาพประกอบจากเว็บไซต์ uddc.net, goodwalk.org, และurbancreature.co
ภาพโดย นัฐพร ชุ่มลือ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ
เมืองน่าเที่ยวติดอันดับโลกอย่าง "กรุงเทพฯ" มีสถานที่ให้เราได้เดินสำรวจมากมาย ร้านอาหารก็อร่อย แหล่งช็อปปิ้งแฟชั่นเสื้อผ้าตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ หรือวันหยุดว่างๆ จะลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินถ่ายรูป แถวย่านเมืองเก่าก็สนุกไปอีกแบบ
“การเดิน” เป็นเงื่อนไขสำคัญของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน ในระดับส่วนบุคคล การเดินเท้าช่วยเพิ่มระดับกิจกรรมทางกาย และสร้างเสริมสุขภาพของผู้คนในชีวิตประจำวัน ที่สามารถทำได้ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย ในระดับสังคม การเดินเท้าช่วยกระจายรายได้ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับย่าน ตลอดจนการส่งเสริมความเท่าเทียมและความสัมพันธ์ในแนวราบของผู้คนในสังคม
ดังนั้น เราจึงสังเกตเห็นมหานครและเมืองใหญ่ทั่วโลกมุ่งพัฒนาสู่ “เมืองเดินดี” (Walkable city) หรือเมืองที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้การเดิน จักรยาน และระบบขนส่งมวลชนเป็นวิธีการหลักในการเดินทาง
เมื่อเร็วๆ นี้ “โครงการเมืองเดินได้-เมืองเดินดี” โดยศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เผยผลสำรวจถนนเดินดีในเมืองกรุง โดยพิจารณาจาก 3 องค์ประกอบหลัก ที่มีผลต่อพฤติกรรมการเดินเท้าของคนกรุง คือ ความปลอดภัย สะดวก และมีชีวิตชีวา โดยพบถนน 5 เส้นทาง จัดเป็นย่านเดินได้เดินดีของกรุงเทพ จากการคำนวณ GoodWalk Score (คะแนนการเดินได้) ดังนี้
อันดับ 1 : ถนนราชวงศ์
อันดับ 2 : ถนนจักรพงษ์
อันดับ 3 : ถนนพระรามที่ 1
อันดับ 4 : ถนนสีลม
อันดับ 5 : ถนนพระอาทิตย์
ขณะเดียวกันพบว่า มีอยู่ 3 เขตที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะกับการเดิน ได้แก่
เขตบางรัก : เป็นเขตที่มีย่านพาณิชยกรรมหลักของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ย่านสีลม-สาทร และย่านบางรักอยู่ในพื้นที่ จึงมีค่าคะแนนเฉลี่ยประเภทแหล่งจับจ่ายใช้สอย สถานที่บริการสาธารณะ และธุรกรรม และแหล่งงานสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ GoodWalk Score โดดเด่นกว่าเขตอื่นๆ รวมถึงค่าคะแนนเฉลี่ยประเภทสถานที่ขนส่งสาธารณะก็สูง ด้วยเหตุที่พื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตบางรักเป็นพื้นที่ในเขตการให้บริการของระบบขนส่งมวลชนทางรางทั้ง BTS และ MRT
เขตปทุมวัน : เป็นพื้นที่ที่มีย่านพาณิชยกรรมหลักของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ ย่านสยาม-ปทุมวัน และย่านราชประสงค์ ซึ่งประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เช่น สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิร์ล และมีย่านพาณิชยกรรมสำนักงานสำคัญ ได้แก่ ย่านถนนวิทยุ อยู่ในพื้นที่ จึงมีค่าคะแนนเฉลี่ยประเภทแหล่งจับจ่ายใช้สอย สถานที่บริการสาธารณะ และธุรกรรม อยู่ในเกณฑ์สูง และเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีสถานศึกษากระจุกรวมกันอยู่หลายแห่งในบริเวณโดยรอบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตการให้บริการของระบบขนส่งมวลชนทางราง ค่าคะแนนเฉลี่ยประเภทสถานศึกษา และสถานที่ขนส่งสาธารณะ จึงอยู่ในระดับสูงที่สุดด้วย
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย : ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่อเนื่องจากบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ มีพื้นที่บางส่วนอยู่ในย่านการค้าเยาวราช และมีย่านพาณิชยกรรมที่สำคัญอื่นๆ อาทิ ย่านนางเลิ้ง ย่านสวนมะลิ ย่านโบ๊เบ๊ (บางส่วน) อยู่ในพื้นที่ จึงมีค่าคะแนนเฉลี่ยประเภทแหล่งงาน แหล่งจับจ่ายใช้สอย สถานที่บริการสาธารณะ และธุรกรรม อยู่ในเกณฑ์สูง นอกจากนั้นยังมีสถานศึกษาหลายแห่งกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ จึงทำให้ค่าคะแนนเฉลี่ยประเภทสถานศึกษาสูงไปด้วย แต่เนื่องจากการให้บริการของระบบขนส่งมวลชนทางราง ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ค่าคะแนนเฉลี่ยประเภทสถานที่ขนส่งสาธารณะจึงต่ำกว่าเขตอื่นๆ ในพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพมหานคร
“ผศ.ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ” หัวหน้าโครงการและทีมงานเมืองเดินได้ เมืองเดินดี ให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ uddc.net ว่า พื้นฐานที่ทำให้เมืองน่าอยู่ คือ โครงข่ายการเดินเท้าที่ออกแบบอย่างกระชับ ทำให้คนสามารถใช้ทางเท้าได้อย่างมีคุณภาพ คำว่า “เมืองเดินดี” ประกอบด้วย น่าเดิน มีกิจกรรมระหว่างทาง ร่มเงา ที่นั่งพัก สะอาด เดินสะดวกโดยความต่อเนื่องของโครงข่ายทางเดินเท้า ความกว้างของทางเท้าที่เหมาะสม มีความเรียบของทางเท้า รวมถึงเดินปลอดภัยมีกิจกรรมทางเท้าที่พลุกพล่านมีชีวิตชีวา มีทางข้ามที่ดี และมีแสงสว่างยามค่ำคืน
กรุงเทพฯ มีถนนเดินดีเพียง 134 เส้น จากการศึกษาถนนทั่วกรุงเทพฯ กว่า 936 เส้น โดยมีถนน 5 เส้น คือ ราชวงศ์, จักรพงษ์, พระราม 1, สีลม และพระอาทิตย์ เป็นย่านที่สอดประสานกิจกรรมระดับเมืองและกิจกรรมระดับย่าน ในการคัดเลือกพื้นที่ที่มีศักยภาพทั้งการเข้าถึงด้วยการเดินเท้า สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเดินและความพร้อมในการขับเคลื่อนการพัฒนาย่านอย่างมีส่วนร่วม
สามารถดาวน์โหลดภาพ Infographic คลิกที่นี่
ปัจจุบันคนในสังคมเดินน้อยลง เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่การขาดการออกกำลังทำให้มีปัญหาสุขภาพสูงขึ้น สสส.จึงรณรงค์ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีกิจกรรมทางกายเป็นประจำ ก็จะช่วยสร้างเสริมสุขภาพ และป้องกันโรคไม่ติดต่อทั้งหลายได้