ยูเอ็นชมไทยคุม ‘เอดส์-วัณโรค’ ได้ผล
ชี้! ความรุนแรงในครอบครัวทำ hiv พุ่ง
นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังร่วมประชุมปรึกษาหารือกับคณะผู้บริหารองค์กรนานาชาติภายใต้องค์การสหประชาชาติ ประจำประเทศไทยว่า คณะผู้แทนองค์กรภายใต้องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้แสดงความชื่นชมนโยบายของประเทศไทยที่มุ่งสร้างสุขภาพประชาชน ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับการทำงานขององค์การสหประชาชาติ
โดยแสดงความเป็นห่วงปัญหาสุขภาพในกลุ่มแรงงานอพยพ เช่น มาลาเรีย และวัณโรค โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานอพยพตามแนวชายแดนที่ไม่เข้าถึงบริการ ทำให้เกิดการดื้อยา หากควบคุมไม่ดีพอ จะเกิดปัญหาการแพร่ระบาดตามแนวชายแดนไทย พม่า กัมพูชาตามมา และอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้
และได้ชื่นชมการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคเอดส์และวัณโรคของไทยที่ทำงานอย่างจริงจัง อยู่ในระดับแนวหน้าของภูมิภาค พร้อมเสนอแนะว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้การติดเชื้อเอชไอวีในคู่ครองสูงขึ้น
และขอให้สนับสนุนนโยบายการกระจายเกลือที่มีไอโอดีนตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกคือให้ได้ร้อยละ 90 ซึ่งจะสามารถป้องกันประชาชนไม่ให้เจ็บป่วยจากโรคคอพอก (goiter) และปัญหาเด็กปัญญาอ่อนจากแม่ขาดสารไอโอดีนระหว่างตั้งครรภ์)
รมว.สาธารณสุขกล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาแรงงานต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย คาดว่ามีประมาณ 1.7 ล้านคน หากเจ็บป่วยกระทรวงสาธารณสุขก็ให้การดูแลเช่นเดียวกับคนไทย แต่สิ่งที่กังวล คือ โรคติดต่อที่มากับคนกลุ่มนี้อาจแพร่ระบาดได้ ซึ่งฝ่ายไทยได้ขอความร่วมมือจากผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย จัดประชุมผู้เกี่ยวข้องร่วมกับประเทศพม่าและกัมพูชา เพื่อแก้ไขปัญหาโรคติดต่อตามแนวชายแดนด้วย
วันเดียวกัน ที่ จ.สระแก้ว นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า จังหวัดสระแก้วมีผู้ป่วยวัณโรครายใหม่เสมหะพบเชื้อจำนวน 300 ราย และพบว่าผู้ป่วยกินยาไม่ครบกำหนด 6 เดือน ทำให้มีอัตราการรักษาหายขาดแค่ร้อยละ 78 จากที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ร้อยละ 85
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
update 20-03-52