‘ยาข้อเสื่อม’ คุณสมบัติเท่ายาหลอก
การออกประกาศกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2553 เรื่องการให้ระงับการเบิกค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ ในส่วนของ “ยาบรรเทาอาการข้อเสื่อม” หรือกลูโคซามีน คอนดรอยติน และไดอะเซอเรน ทุกรูปแบบรวมทั้งไฮยาลูโรนแนนชนิดฉีดเข้าข้อ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2554 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้มีสิทธิภายใต้ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการได้รับผลกระทบอย่างมาก จนกระทั่ง 3 วันถัดมานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ต้องแต่งตั้งคณะทำงาน มีอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธาน ดำเนินการระดมความเห็นจากทุกฝ่ายในการศึกษาเพื่อทบทวนประกาศดังกล่าวนั้น
เกี่ยวกับเรื่อง นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ สธ. แสดงความเห็นว่า กลูโคซามีนรวมทั้งยาอื่นๆ ในกลุ่ม sysadoa (ยาบรรเทาอาการโรคข้อเสื่อมชนิดที่ออกฤทธิ์ช้า) เป็นสารสกัดจากเปลือกของสัตว์ทะเลบางชนิด ซึ่งถูกอ้างว่าสามารถช่วยป้องกันและชะลอความเสื่อมของข้อได้ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว มีรายงานการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบ (systematic review) ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการด้านการแพทย์ชั้นนำของสหราชอาณาจักร (britishmedical journal: bmj) ระบุว่า มีงานวิจัยที่มีความน่าเชื่อถืออยู่เพียง 10 การศึกษาจากทั่วโลก ซึ่งเมื่อนำผลการวิจัยทั้งหมดมาวิเคราะห์รวมกัน ไม่พบประโยชน์ของการให้กลูโคซามีนในการบรรเทาอาการปวดของข้อและการชะลอการเสื่อมสภาพเมื่อเทียบกับยาหลอก
“แม้ว่าจะมีผลการศึกษาในเชิงสนับสนุนให้มีการใช้ยากลูโคซามีนอยู่บ้าง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า งานวิจัยเหล่านี้ส่วนใหญ่มีความลำเอียงหรือเป็นการศึกษาที่มีคุณภาพต่ำ เพราะใช้ตัวอย่างกลุ่มตัวอย่างจำนวนน้อยหรือมีการวัดผลในระยะสั้นที่ไม่ได้มาตรฐาน และที่สำคัญก็คือ มักได้รับการสนับสนุนโดยบริษัทยา ข้อค้นพบของรายงานการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบในครั้งนี้นำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า ถึงแม้ว่า กลูโคซามีนและคอนดรอยตินจะมีความปลอดภัย แต่ไม่น่าจะมีประโยชน์ทางการรักษา ดังนั้น เมื่อเทียบประสิทธิผลกับค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปกับการใช้ยาชนิดนี้จึงนับว่าไม่คุ้มค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเบิกค่ายาไปที่กรมบัญชีกลางถึงปีละกว่า 600 ล้านบาท” นพ.ยศกล่าว ข้อมูลจากรายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน bmj สอดคล้องกับผลสรุปประเด็นข้อเท็จจริงและข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับกลูโคซามีน
คอนดรอยตินซัลเฟต ไดอะเซอเรน และไฮยาลูโรแนนชนิดฉีดเข้าข้อ โดยคณะทำงานวิชาการทางการแพทย์ ภายใต้คณะอนุกรรมการพัฒนามาตรฐานการรักษาพยาบาลและการจ่ายเงิน กรมบัญชีกลางกระทรวงการคลัง และแนวปฏิบัติบริการสาธารณสุข โรคข้อเข่าเสื่อม พ.ศ.2553 (ร่างฉบับประชาพิจารณ์) ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ระบุว่า ไม่แน่ใจว่าคอนดรอยติน และไดอะเซอเรน (รวมทั้งกลูโคซามีน) มีความเหมาะสมกับสถานการณ์และสถานภาพของการประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย และไม่แน่ใจว่ามีความคุ้มค่า ในบริบทของสังคมไทย
นอกจากนี้ ยังพบว่าระบบประกันสุขภาพ หรือระบบสวัสดิการภาครัฐในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ อาทิญี่ปุ่น อังกฤษ สกอตแลนด์และเวลส์สวีเดน สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียไม่ครอบคลุมยากลูโคซามีนในชุดสิทธิประโยชน์ กล่าวคือ หากผู้ป่วยต้องการใช้ยานี้จะต้องจ่ายเงินเอง
“ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวยาและแนวทางการรักษาโรค เนื่องจากการได้รับข้อมูลด้านเดียวในขณะที่ยาที่กล่าวนี้แทบไม่มีประโยชน์ในการรักษา จึงขอแนะให้ผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมลดน้ำหนัก (หากมีน้ำหนักตัวมาก) หมั่นออกกำลังกาย ทำกายภาพบำบัดโดยในเบื้องต้นสามารถใช้ยาแก้ปวดพาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการ หากอาการหนักมาก ก็อาจจะปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าซึ่งมีความปลอดภัย ได้ผลจริง และสามารถขอเบิกได้ในทุกสิทธิการรักษาพยาบาลทั้งข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัทเอกชน และประชาชนทั่วไปแต่จะต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ให้การรักษา” นพ.ยศกล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน