ยอดผู้ป่วยหืดพุ่ง 4 ล้านราย
ยอดผู้ป่วยหืดพุ่ง 4 ล้านราย แพทย์ชี้รักษาได้
รศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ แพทย์โรคระบบทางเดินหายใจโรงพยาบาล (รพ.) ศรีนครินทร์ ในฐานะประธานเครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย (easy asthma and copd clinic network) เปิดเผยในการประชุมใหญ่ประจำปี ครั้งที่ 8 “เครือข่ายคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย” ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สนับสนุนให้สร้างเครือข่ายปัจจุบันมีโรงพยาบาลเป็นสมาชิกกว่า 900 แห่งทั่วประเทศ ว่าอุบัติการณ์โรคหืดในปัจจุบัน พบในเด็กอายุตั้งแต่ 6 ขวบขึ้นไป โดยพบประมาณร้อยละ 10 ขณะที่ผู้ใหญ่พบเพียงร้อยละ 5 ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยราว 3-4 ล้านคน
“สิ่งที่น่ากลัวของโรคนี้คือ เป็นโรคที่รักษาได้ แต่ผู้ป่วยไม่ทราบ แพทย์ก็ไม่ทราบถึงการรักษาที่ถูกต้อง อาจเพราะขาดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรเวชโดยตรง ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 200-300 คนเท่านั้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ยังมีผู้ป่วยที่อาการทรุดหนักจนต้องเข้าห้องฉุกเฉิน และถึงขั้นต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เพียงเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มักคิดว่าหอบเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นไร ใช้ยาขยายหลอดลมก็เพียงพอ ไม่ยอมไปพบแพทย์ตามนัด ข้อมูลพบว่า แต่ละปีมีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่าล้านครั้ง ร้อยละ 90 พบแพทย์และกลับบ้าน แต่ยังมีอีกประมาณร้อยละ 10 หรือประมาณ 7-8 หมื่นคน ที่ต้องนอนรักษาตัว หากคิดเป็นมูลค่าตกปีละประมาณ 500 ล้านบาท ที่สำคัญยังพบผู้เสียชีวิตจากโรคนี้อีกราว 1,600 รายต่อปี”รศ.นพ.วัชรากล่าวและว่า ล่าสุด รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ สปสช.ได้ร่วมกันทำโครงการคลินิกโรคหืดและปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบง่าย โดยจัดอบรมแพทย์ที่สนใจการรักษาด้านนี้โดยเฉพาะ เช่น แนวทางการวินิจฉัย การรักษา รวมไปถึงการสื่อสารกับผู้ป่วยให้ดูแลตัวเอง เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
รศ.นพ.วัชรา กล่าวว่า ในการอบรมแพทย์ให้เชี่ยวชาญนั้น เน้นการวินิจฉัยที่ใช้เครื่องมือตรวจอาการหืด เรียกว่า เครื่องพีคโฟว์มิเตอร์ หรือการวัดความเร็วสูงสุดของลมหายใจ และหากพบว่าผู้ป่วยมีอาการหืดจะใช้ยาพ่นรักษาอาการอักเสบ ซึ่งเป็นกลุ่มยาสเตียรอยด์ แต่ไม่ส่งผลอันตรายใดๆ โดยหากรักษาตามมาตรฐานขององค์กรระดับนานาชาติด้านโรคหืด gina guideline for asthma 1995 ผู้ป่วยจะไม่จำเป็นต้องใช้ยาทุกวัน และสามารถมีชีวิตได้อย่างปกติ
“จากการทำงาน 8 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยที่อยู่ในเกณฑ์การรักษาที่ถูกต้อง 150,000 คน ซึ่งยอมรับว่ายังไม่มาก แต่อย่างน้อยก็เริ่มเดินมาถูกทาง ขณะนี้การทำงานง่ายขึ้นเมื่อได้รับการสนับสนุนจาก สปสช. เพราะโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศให้ความร่วมมือมากขึ้น ตั้งเป้าว่าภายใน 5 ปี จะลดผู้ป่วยโรคหืดที่ต้องนอนโรงพยาบาลให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 50,000 ราย จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 100,000 ราย” รศ.นพ.วัชรา กล่าว และว่า สิ่งที่ต้องกังวลในขณะนี้คือผู้ป่วยโรคหืดจะมีอาการหอบ ไอ หายใจไม่ออก เมื่อถูกสิ่งกระตุ้นก็จะมีอาการ ดังนั้นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้ามในช่วงนี้คือ สภาพอากาศเย็น ทำให้เป็นหวัดง่ายขึ้น ยิ่งไข้หวัดใหญ่ กลุ่มผู้ป่วยโรคหืดเป็นกลุ่มที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษ เพราะอาการจะกำเริบง่ายดังนั้น ควรพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน