มะเร็งปากมดลูก มฤตยูร้ายของสุขภาพ ที่หญิงไทยต้องใส่ใจ

กรมอนามัยย้ำเข้ารับตรวจฟรี วัคซีนไม่ได้ช่วยรักษา 100 %

มะเร็งปากมดลูก มฤตยูร้ายของสุขภาพ ที่หญิงไทยต้องใส่ใจ 

น่าแปลกที่ปัจจุบันหญิงไทยให้ความสำคัญกับเรื่องความสวยความงามมากเป็นพิเศษ ยาไหนที่บอกว่าดี ครีมไหนที่บอกว่าเจ๋ง สมุนไพรอะไรที่บอกว่ามีสรรพคุณเป็นเลิศ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามต้องแสวงหาสารพัดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพมาใช้จนได้ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณดีที่ทำให้เล็งเห็นว่า หญิงไทยสนใจ ใส่ใจ ดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น แต่ทำไม๊ ทำไม? กลับมองข้ามการใส่ใจสุขภาพภายใน ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นปัญหาร้ายแรง เนื่องจากมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกปีๆ อย่าง โรคมะเร็ง ไปเสียสนิท

 

ด้วยเหตุนี้เองทำให้สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) โดยโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) สำนักงานพัฒนานโยบาย สุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) สำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย (สวปก.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จับมือกันเปิดเวทีเสวนาเรื่อง มะเร็งปากมดลูกป้องกันได้ แค่ใส่ใจตรวจคัดกรอง ขึ้นเพื่อรณรงค์ให้ผู้หญิงไทยใสใจเรื่อง มะเร็งเพิ่มมากขึ้น

 

นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ผู้หญิงไทยมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ทั้งมะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก แต่อัตราการเกิดมะเร็งปากมดลูกในปัจจุบันยังคงสูงอยู่ โดยมะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี ทั้งนี้ยังพบผู้ป่วยมะเร็งดังกล่าวในคนที่มีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จากเดิมที่มักพบในวัยสูงอายุ จากสถิติ โรคมะเร็งปากมดลูกพบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ทำให้เกิดผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยตกปีละ 9,700 ราย และคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าผู้ป่วยจะเพิ่มเป็น 12,500 ราย

มะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ เพราะระยะเวลาตั้งแต่เยื่อบุปากมดลูกได้รับเชื้อไวรัส จนเกิดความผิดปกติและกลายเป็นมะเร็งปากมดลูก ใช้เวลานานถึง 10-15 ปี เวลาดังกล่าวจึงเป็นเวลาทองในการค้นหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูก ซึ่งปัจจุบันมีวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกได้ 2 วิธีคือ แบบ VIA คือใช้น้ำส้มสายชูป้ายปากมดลูก หากพบความผิดปกติ ก็จะทำการรักษาด้วยการจี้เย็น แต่หากผิดปกติมากจะดำเนินการส่งต่อไปยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและการคัดกรองแบบตรวจภายในแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) ต่อไป นพ.ณรงค์ศักดิ์กล่าว

 

นพ.ณรงค์ศักดิ์กล่าวต่อว่า เราทำการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมากว่า 100,000 ราย โดยจริงๆแล้วในปีหนึ่ง ๆ ต้องตรวจให้ได้ปีละ 5 ล้านคนจึงจะครอบคลุมทั้งประเทศ แต่ปัจจุบันทั้งการตรวจคัดกรองแบบ VIA และแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) ทั้ง 2 วิธี ยังมีคนตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกไม่ถึง 300,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยมาก

 

ด้านดร.นพ.วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP) กล่าวว่า จากการสำรวจหญิงไทยอายุ 12-50 ปี จำนวน 160 คน พบว่า ส่วนใหญ่เข้าใจคลาดเคลื่อนในเรื่องของการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกอยู่มาก จากกลุ่มตัวอย่าง 62% เข้าใจผิดว่า ผู้ได้รับเชื้อ HPV ต้องเป็นมะเร็งปากมดลูกทุกคน แต่ข้อเท็จจริงแล้วคือ ผู้ได้รับเชื้อ HPV มีโอกาสน้อยมาก ที่จะพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูก เพราะโดยทั่วไปผู้หญิงที่ได้รับเชื้อไวรัส HPV และเกิดความผิดปกติเล็กน้อยที่เยื่อบุปากมดลูก จะสามารถหายเป็นปกติได้เองภายใน 2 เดือนถึง 1 ปีโดยไม่ต้องทำการรักษาใดๆ

 

วัคซีนเอชพีวีสามารถป้องกันไวรัสที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้อยู่ไม่กี่สายพันธุ์ ขึ้นกับผลิตภัณฑ์ของแต่ละบริษัท วัคซีนดังกล่าวนี้ที่หลายๆคนเข้าใจว่า ฉีดในสตรีอายุ 9-26 ปีกับคนที่ยังไม่มีเคยมีเพศสัมพันธ์ และการขยายการฉีดไปถึงอายุ 45 ปี ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นข้อเท็จ ดังนั้น ประชาชนต้องพิจารณาให้รอบคอบ การฉีดวัคซีนนี้ต้องฉีดถึง 3 เข็ม โดยราคาประมาณ 15,000 บาท และเป็นราคาเดียวกันทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่แพงเกินไป ขณะเดียวกันผู้ที่ฉีดวัคซีนนี้แล้วก็ต้องมาทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอีกครั้งด้วยอยู่ดี นพ.วิโรจน์กล่าว

 

ดังนั้น การที่สื่อความหมายว่ามะเร็งปากมดลูกป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้วยวัคซีนเอชพีวีจึงเป็นการกล่าวอ้างเกินไป เข้าใจว่าถึงแม้ติดเชื้อแล้ว ถ้าฉีดวัคซีนก็สามารถรักษาโรคได้ และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น หนองใน และซิฟิลิส ได้ด้วย แต่ความเป็นจริงแล้ววัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน เป็นเพียงวัคซีนที่ป้องกันได้แต่เชื้อไวรัส HPV เพียง 2 สายพันธุ์ ในขณะที่เชื้อไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ มีทั้งสิ้นมากกว่า 100 สายพันธุ์ด้วยกัน

 

แต่การเข้ารับการตรวจคัดกรองนั้น สำหรับหญิงไทยที่มีอายุหระหว่าง 30-45 ปี ควรเข้ารับการตรวจคัดกรอง แบบวิธี VIA  พร้อมกับการตรวจแบบและแป๊ปสเมียร์ (Pap smear)  ในทุกๆ 5 ปี จะดีกว่า ซึ่งจะช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติของเยื่อบุปากมดลูกได้มากกว่าการตรวจด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งอย่างเดียว แต่ในหญิงไทยที่อายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไป ควรตรวจแบบแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) อย่างเดียว เพราะจะส่งผลให้เยื่อบุปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ความแม่นยำในการตรวจน้อยลง แต่ทั้งนี้การตรวจคัดกรองแบบ VIA เป็นที่ยอมรับจากผู้หญิงไทยมากกว่าวิธีและแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) เนื่องจากรักษาง่ายและเสร็จสิ้นภายในครั้งเดียว เนื่องจากคนไทยมักไม่ชอบการรอคอย นพ.วิโรจน์กล่าว

 

ส่วนด้านนพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. กล่าวว่า ในส่วนของการเข้าถึงการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกของหญิงไทยต่ำมาก มีเพียง 20-30% ของหญิงไทยอายุ 30-60 ปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ตระหนักถึงความสำคัญ อาย และไม่รู้ว่าการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอยู่ในสิทธิประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับบริการฟรี หญิงไทยจำนวนมากไม่รู้ว่าสามารถเดินเข้าไปขอตรวจคัดกรองฟรี ที่สถานพยาบาลของรัฐ โดยใช้สิทธิของบัตรทอง บัตรประกันสังคมและบัตรข้าราชการได้

 

การตรวจคัดกรองเป็นวิธีการป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่ได้ผลดี และมีผลการศึกษาที่แน่นอน แต่ปัจจุบันสังคมกลับให้ความสำคัญกับวัคซีน HPV ทั้งๆ ที่ราคาแพง และยังไม่มีการยืนยันที่แน่นอนถึงประสิทธิผลในระยะยาว ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้สามารถโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 1330 ตลอด 24 ชม.

 

อย่างไรก็ตาม การไม่สำส่อนทางเพศ การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ยังสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอชพีวีได้อีกด้วย อย่าไปหวังพึ่งการฉีดวัคซีนดังกล่าวแต่เพียงอย่างเดียว แต่หากมีเงินจะฉีดวัคซีนก็ไม่ว่ากัน แต่อยากให้จ่ายเงินอย่างฉลาด อีกทั้งฉีดแล้วก็ต้องไปตรวจคัดกรองอยู่ดี โดยการคัดกรองแบบ VIA มีต้นทุนเพียง 30-60 บาท หากตรวจต่อเนื่องครบ 7 ครั้งตามการศึกษาของกรมอนามัย ก็จะมีต้นทุนเพียง 300 บาทต่อคน ซึ่งถูกกว่าการฉีดวัคซีนแน่นอน นพ.สุวิทย์ กล่าว

 

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ผู้หญิงไทย ควรที่จะตระหนักและหันมาใส่ใจกับสุขภาพภายในของตนเองบ้าง เพราะมันเป็นภัยใกล้ตัวที่ควรระวังเป็นอย่างมาก  อีกทั้งยังไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่น้อย หากมัวแต่ให้เวลากับการดูแลสุขภาพภายนอก ดูแลแต่ความสวย ความงามตนเอง จนละเลยที่จะใส่ใจกับมัน อาจจะสายเกินไปที่จะมีเวลารักษาให้มันก็หายขาดก็เป็นได้

 

 

 

 

 

เรื่องโดย :  ณัฐภัทร  ตุ้มภู่ Team Content www.thaihealth.or.th

 

 

Update:08-08-51

Shares:
QR Code :
QR Code