‘มะนังดาลำ’ สุขจากศรัทธา ตำบลสุขภาวะแห่งแรก 3 จว.ใต้
เสียงอะซานที่ลอยมาตามสายลมก่อนอรุณจะเบิกฟ้า ถือเป็นสัญญาณแรกของวัน ในการทำละหมาดซุบฮิ เพื่อแสดงออกถึงศรัทธา รวมทั้งสื่อสารกับพระเจ้า ถือเป็นหลักปฏิบัติที่ศาสนิกชนทุกคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามยึดถือในการดำเนินชีวิต ยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าสงบเสงี่ยม และนัยน์ตาเปล่งประกายใต้ผ้าคลุมสีขาว ทำให้อาคารไม้หลังใหญ่ของสถาบันศึกษาปอเนาะมะฮัดดารุลเราะห์มะห์ ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ที่นี่ไม่ได้มีบทบาทเพียงสถานศึกษาปอเนาะเท่านั้น แต่สำหรับ ด๊ะอารี ยูโซ๊ะ และ อาสอารี ลาเต๊ะ บ้านหลังที่สองนี้ ถือเป็นแหล่งสรรพวิชาทางจิตวิญญาณที่ทำให้เส้นทางของมุสลิมที่สมบูรณ์ของพวกเขาแจ่มชัดขึ้น รวมทั้งนักศึกษาร่วมสถาบันกว่า 250 ชีวิตด้วย
นอกจากการเรียนการสอน คัมภีร์อัลกุรอาน วิถีปฏิบัติ รวมทั้งกฎระเบียบในการอยู่ร่วมกันอย่างน้อย 7 ปี เพื่อซึมซับหลักปฏิบัติตามที่พระคัมภีร์ได้ชี้นำเอาไว้ และรายละเอียดปลีกย่อยในการดูแลซึ่งกันและกันของเหล่านักศึกษา ทำให้ มะฮัดดารุลเราะห์มะห์ แตกต่างจากสถานศึกษาปอเนาะอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ที่นี่ยังเป็นเหมือนแหล่งฝึกทักษะอาชีพสำหรับชาวชุมชนที่ต้องการมีความรู้เอาไว้เลี้ยงชีพด้วย ทั้งหลักสูตรการกัดกระจก การทำยาสมุนไพร การสกรีนเสื้อเป็นลวดลายต่างๆ ที่การศึกษานอกโรงเรียนได้เข้ามาช่วยเรื่องหลักสูตรเสริม ทำให้หลักปฏิบัติตามวิถีมุสลิม และการดำรงชีพเดินไปในทางเดียวกันได้”
มหามัติ มะจะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมะนังดาลำ บอกว่า การสร้างศูนย์เรียนรู้เพื่อตอบโจทย์ “อาชีพ สังคม และสุขภาพ” ที่ขับเคลื่อนไปพร้อมกัน ตามแนวคิดสุขภาวะองค์รวม ทำให้ ต.มะนังดาลำ ทั้ง 1,425 ครัวเรือน หรือ บือแนดาแล ที่แปลว่า นาลึก ในอดีตสามารถปรับตัว และใช้ชีวิตตามหลักศาสนาอันถือเป็นวิถีชีวิต ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ถึงอย่างนั้น วิถีศรัทธา และแนวทางตามพระประสงค์ของพระเจ้าก็ยังทำให้ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตต่อไปตามปกติ อันเป็นที่มาของการสร้างสมดุลให้แก่ชีวิตตาม “หลักอากีดะฮ์” (หลักการศรัทธาและความเชื่อในศาสนาอิสลาม) และ “หลักอีบาดะฮ์” (หลักการปฏิบัติหรือดำรงตนบนวิถีอิสลาม) หรือสุขภาพองค์รวมที่มหามัตินำมาปรับใช้กับชุมชนของเขา โดยทั้งหมดก็เพื่อขับเคลื่อนชุมชนไปสู่ความสอดคล้อง ระหว่าง “สันติวิถี” และ “ความพอเพียง”
“ที่ผ่านมา ปัญหาที่ทำให้ชุมชนไม่สามารถพัฒนาไปได้มากเท่าที่ควรจะเป็นก็คือ “ภาวะการมีส่วนร่วมต่ำ” ดังนั้นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนก็ควรจะต้องเริ่มแก้ที่คนในชุมชนเองก่อน การบริหารจัดการตำบล วันนี้เราพยายามที่จะทำเป็นศูนย์กลางการพัฒนาทุกอย่าง ซึ่งการจัดการตำบลมีฐานจัดการคือ มัสยิด ทำเป็นศูนย์เรียนรู้ทั้งหมด ไม่ว่าจะการศึกษา เยาวชน สังคมต่างๆ หรือแนวคิด การศึกษาไม่มีที่สิ้นสุดสำหรับคนมุสลิม คนในพื้นที่จะมีโอกาสทางการศึกษาตั้งแต่เยาวชน ประถมปีที่ 1 เป็นต้นไป ค่ายภาษา โรงเรียนเพื่อท้องถิ่นโดยท้องถิ่นโดยใช้หลักสูตร ibs หรือ islamic based management school เริ่มเรียนตั้งแต่ 06.30 น. เลิกเรียน 13.30 น. ทั้งนี้เพราะวิถีอิสลามจริงๆ นั้น ต้องตื่นเช้า” มหามัติ อธิบาย
รวมทั้งวิถีความเป็นมุสลิมที่เกี่ยวดองระหว่างการดำเนินชีวิตกับศาสนกิจเอาไว้ตั้งแต่เกิดจนตาย การร้อยเรียงหลักคิด และทำความเข้าใจเพื่อเปลี่ยนทัศนคติให้เห็นว่า แท้จริงแล้ว ทุกเรื่องในสังคมล้วนเชื่อมโยงกันอันเป็นที่มาของระบบการพัฒนาเครือข่ายชุมชนท้องถิ่นจัดการตนเอง 7 ระบบ ที่ประกอบด้วย ระบบการบริหารจัดการตำบล ระบบการศึกษา ระบบดูแลสุขภาพ ระบบเศรษฐกิจพอเพียงและส่งเสริมสัมมาชีพ ระบบสวัสดิการชุมชน ระบบพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชน และระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานทดแทน
“อากิดะฮ์” คือเรื่องของจิตใจ ความเชื่อ ขณะที่ “อีบาดะฮ์” คือการกระทำที่จะต้องเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ไม่ได้เป็นเพียงหลักศาสนาที่ยึดถือปฏิบัติกันในแง่มุมเดียวเหมือนอย่างเมื่อก่อน แต่ในทุกมิติตั้งแต่ศาสนา การเมือง สังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต ทุกอย่างต้องสมดุลซึ่งกันและกัน ทั้งหมดทำให้วันนี้ชุมชนมะนังดาลำ กำลังผลักดันตัวเองเข้าสู่โครงการตำบลสุขภาวะแห่งแรกในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แต่นั่นคงเป็นเพียงอีกก้าวหนึ่งเพื่อนำไปใช้ในการขับเคลื่อนความสงบอย่างยั่งยืนมาสู่พื้นที่ต่อไปในอนาคต
ดังนั้นเมื่อชุมชนอยู่ได้ ชุมชนช่วยเหลือตัวเองได้ บ้านก็สงบ ทุกคนก็จะมีความสุข ที่เป็นรูปธรรม เช่น เรื่องยาเสพติด การลักเล็กขโมยน้อย ความสงบ ช่วยแบ่งเบาได้ ความขัดแย้งในพื้นที่น้อยลง และสามารถเข้าไปพัฒนาเรื่องอื่นๆ ต่อได้ แม้กระทั่งความรุนแรงในพื้นที่ก็ตาม
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก