มอบโล่แพทย์อาสา “หมอบาทเดียว”
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. มอบโล่เกียรติคุณทีมแพทย์อาสา ช่วยลดการรับข้อมูลทางการแพทย์ที่ผิดแต่มักแชร์ต่อกัน โดยสร้างชุดข้อมูลผ่าน อนิเมชั่น และอินโฟกราฟิก
เมื่อเร็วๆ นี้ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้มีการจัดงานมอบโล่เกียรติคุณ ขอบคุณทีมแพทย์อาสา ในโครงการแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว (SOS Specialist) โดยมี นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานคณะกรรมการกองทุนฯ คนที่ 2 , รศ.นพ.ปัญญา ไข่มุก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. ร่วมแสดงความขอบคุณทีมแพทย์อาสานำโดย นพ.อดุลย์ชัย แสงเสริฐ ผู้รับผิดชอบโครงการฯ พร้อมทีมแพทย์อาสาในโครงการฯ ซึ่งเป็นแพทย์เฉพาะทางทั้งหมด 33 ท่านรวมทั้งหมด 14 สาขาวิชา
นพ. อดุลย์ชัย แสงเสริฐ ผู้รับผิดชอบโครงการฯ กล่าวว่า โลกยุคดิจิทัลที่โซเชียลเน็ตเวิร์คมีอิทธิพลกับการดำเนินชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ทุกคนสามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นวิกฤตข้อมูลข่าวสารล้น ขาดการกลั่นกรอง นำมาซึ่งความเข้าใจผิด โดยเฉพาะข้อมูลทางการแพทย์อย่างผิดๆ และนำไปใช้หรือปฏิบัติตาม อาจทำให้เกิดความเสี่ยงถึงชีวิตได้ จึงเป็นที่มาของโครงการแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว โดยการรวมตัวแพทย์จิตอาสาให้บริการตอบคำถามสุขภาพผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ โดยการสนับสนุนของ สสส. เพื่อช่วยลดการรับข้อมูลทางการแพทย์และความเชื่อที่ผิดแต่มักแชร์ต่อกัน โดยสร้างชุดข้อมูลความรู้โรคต่างๆ ให้เข้าใจง่ายผ่าน อนิเมชั่น และอินโฟกราฟิก ให้ข่าวสารกิจกรรมสุขภาพที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ผ่านเว็บไซต์ www.sosspecialist.com และ Facebook "แพทย์เฉพาะทาง บาทเดียว" ที่สำคัญมีการให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับโรคต่างๆ จากแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโดยตรง 16 ห้องตรวจ 14 สาขาวิชา
ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนสอบถามและขอคำแนะนำเป็นจำนวนมากถึง 50,519 คำถาม จากทั้งหมด 10,273 คน ส่วนใหญ่เป็นคำถามจาก ห้องอายุรกรรมเกี่ยวกับโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง รูมาตอยด์ อัมพาต รองลงมาคือ ห้องเด็ก ห้องสูติ เช่น เรื่องการ คุมกำเนิด ประจำเดือน ฯลฯ และห้องจิตเวช เป็นต้น
นพ.อดุลย์ชัย กล่าวว่า สำหรับ ผู้ที่มาปรึกษากับแพทย์เฉพาะทาง บาทเดียวแบ่งเป็น 1.กลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพต้องการทราบข้อมูลเบื้องต้นก่อนไปพบแพทย์ 2.กลุ่มที่ผ่านการตรวจรักษาแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัย 3.กลุ่มที่ไม่มีเงินไปหาแพทย์ 4.กลุ่มที่ปรึกษาให้กับญาติ เพื่อน หรือคนรอบข้าง 5.กลุ่มที่มีความวิตกกังวลสูง และ 6 กลุ่มคนไทยในต่างประเทศ ซึ่งการให้คำแนะนำปรึกษาลักษณะนี้ทำให้ประชาชนที่ห่างไกลได้เข้าถึงแพทย์เฉพาะทางในกรุงเทพฯสามารถรักษาได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น และทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง
"ที่ผ่านมาข้อมูลข่าวสารทางการแพทย์ที่มักแชร์กันบนโลกออนไลน์ ส่วนใหญ่เป็นการให้ข้อมูลสรรพคุณทาง การเกษตร เช่น สารสกัดจากทุเรียนเทศช่วยรักษามะเร็งได้หลายชนิด หมามุ่ยอินเดียกินแล้วลดน้ำหนัก แต่ก็มีเด็กที่กินแล้วเสียชีวิต ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่ระบุถึงงานวิจัยรองรับ ปริมาณของสารสกัดที่เหมาะสม และวิธีการสกัด จากการตรวจสอบต้นทางก็พบว่า มาจากแหล่งเพจสินค้าทางการเกษตร และตามด้วยข้อมูลยา ลดอ้วน แต่ผู้บริโภคจะรู้โดยตรงว่า เป็นการขายของ ดังนั้น 5 ข้อพึงระวังจากการรับข่าวสารสุขภาพผ่านโซเชียลมีเดีย คือ 1.ข่าวสารที่แอบแฝงการค้า หรือธุรกิจสุขภาพ 2. ข่าวสารที่ไม่มีที่มาที่ไป เพียงแต่บอกว่า "เค้า" บอกมา 3.ข่าวสารที่อ้างอิงวิทยาศาสตร์เสมือน หรือข่าวที่เสมือนวิทยาศาสตร์ 4.ข่าวสารที่เร่งเร้าอารมณ์หรือความรู้สึกโน้มน้าวให้เชื่อ และ 5. ข่าวสารที่มาจากหมอออนไลน์ที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง ดังนั้น ก่อนจะเชื่อควรดูที่มาและพิจารณาข้อเท็จจริง ให้ถี่ถ้วน"นพ.อดุลย์ชัย กล่าว
ด้าน นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานคณะกรรมการกองทุนฯ คนที่ 2 กล่าวว่า สสส. ได้ให้การสนับสนุนทุน โครงการแพทย์เฉพาะทางบาทเดียว ในโครงการสนับสนุนการสร้างสรรค์สื่อ กิจกรรม และแผนงานการตลาดเพื่อสังคม ภายใต้การดำเนินงานของฝ่ายสื่อสารการตลาดเพื่อสังคม เพื่อสนับสนุนการให้ข้อมูลความรู้ด้านการแพทย์ การดูแลสุขภาพที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยแพทย์เฉพาะทางที่ข้อมูลมีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ ที่สำคัญทีมแพทย์ที่เข้าร่วมตอบคำถามในโครงการเป็นแพทย์จิตอาสา มีจิตสาธารณะทำประโยชน์โดยการให้ความรู้ด้านสุขภาพที่ถูกต้องผ่านสื่อออนไลน์แก่ประชาชน
นับเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นโครงการ ที่สามารถก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนด้านการสร้างเสริมสุขภาวะได้ โดยสามารถลดภาระงานของแพทย์ในโรงพยาบาล ช่วยลด ค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาล และ ลดภาระงบประมาณการรักษาพยาบาล ของประเทศ