มข.ค้นพบเซลล์ต้นกำเนิดกระดูกอ่อน รักษาโรคข้อในคนชรา

คณะนักวิจัย มข.ประสบผลสำเร็จในการใช้เทคนิควิเคราะห์ทางจุลทรรศน์ และสเปกโตรสโกปีของรังสีอินฟราเรด เพื่อการตรวจจำแนกเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) ที่มีการพัฒนาไปเป็นเซลล์กระดูกอ่อน ซึ่งเป็นเทคนิควิเคราะห์ที่ช่วยตรวจจำแนกการเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดได้เด่นชัดในระยะเวลาสั้น ทำให้ลดขั้นตอนและต้นทุนในการตรวจสามารถนำไปใช้ได้จริงในห้องปฏิบัติการสำหรับการเพาะเลี้ยงและเหนี่ยวนำเซลล์ต้นกำเนิดไปเป็นเซลล์เป้าหมายชนิดอื่นๆ

รศ.ดร.พัชรี เจียรนัยกุล คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเปิดเผยว่า ปัจจุบันโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของข้อต่อที่มักพบในผู้ป่วยวัยกลางคน และวัยสูงอายุ เช่นโรคข้อกระดูกเสื่อมนั้น สามารถรักษาได้ด้วยเทคโนโลยีเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) โดยใช้การปลูกถ่ายกระดูกอ่อนใหม่ที่เจริญจากเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อแทนที่เซลล์กระดูกอ่อนเก่าที่เสื่อมสภาพไป ขั้นตอนที่สำคัญสำหรับการรักษาโรคด้วยเทคโนโลยีเซลล์ต้นกำเนิดคือ จะต้องทราบว่าเซลล์ต้นกำเนิดมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์เป้าหมายได้จริง (ในที่นี้คือเซลล์กระดูกอ่อน)

ในปัจจุบันวิธีที่ใช้ในการตรวจจำแนกเซลล์ต้นกำเนิดที่ใช้โดยทั่วไปทางห้องปฏิบัติการนั้นค่อนข้างยุ่งยากและเสียค่าใช้จ่ายสูง ตัวอย่างวิธีที่นิยมใช้ในการตรวจจำแนกชนิดของเซลล์ต้นกำเนิดกับเซลล์กระดูกอ่อนได้แก่การใช้เทคโนโลยีดีเอ็นเอ ในการตรวจหาการแสดงออกของยีนที่พบเฉพาะเซลล์กระดูกอ่อน (ยีน ที่ควบคุมการสร้างโปรตีนชนิด คอลลาเจน และสารประกอบระหว่างโปรตีนกับคาร์โบไฮเดรต ที่เรียกว่า aggrecanซึ่งเป็นสารที่พบเป็นองค์ประกอบในเซลล์กระดูกอ่อน) วิธีดังกล่าวต้องการใช้ “สารติดตาม” (marker) หรือการฉีดสี สำหรับตรวจสอบยีนชนิดนั้นๆ โดยที่สารติดตามสำหรับยีนแต่ละชนิดมีราคาค่อนข้างสูงมาก และต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

รศ.ดร.พัชรี กล่าวอีกว่า คณะผู้ทำวิจัยได้พัฒนาเทคนิคการเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิดชนิดมีเซนไคมอล (เป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่แยกได้จากเซลล์หลายๆ ชนิดในร่างกาย ได้แก่ ไขกระดูก เม็ดเลือด และฟัน เป็นต้น) และทำการเหนี่ยวนำให้เกิดเซลล์เป้าหมายตามที่ต้องการ รวมถึงการประยุกต์ใช้เทคนิคทางจุลทรรศน์และสเปกโตรสโกปีของรังสีอินฟราเรดจากแสงซินโครตรอน เพื่อการตรวจจำแนกการเหนี่ยวนำให้เซลล์ต้นกำเนิดกลายเป็นเซลล์กระดูกอ่อน ข้อดีจากการใช้แสงซินโครตรอนร่วมกับเทคนิคนี้คือ แสงซินโครตรอนเป็นแสงที่มีขนาดลำแสงที่เล็กและคม สามารถใช้ติดตามการเปลี่ยนแปลงในระดับเซลล์ได้เป็นผลให้การวัดการดูดกลืน มีความแม่นยำกว่าการใช้แสงจากแหล่งกำเนิดโดยทั่วไป ซึ่งผลการทดลองที่ได้แสดงว่าเทคนิคดังกล่าวสามารถใช้ในการจำแนกเซลล์ต้นกำเนิด ที่ไม่มีการเหนี่ยวนำออกจากเซลล์ต้นกำเนิดที่ถูกเหนี่ยวนำให้กลายเป็นเซลล์กระดูกอ่อนในระยะต่างๆได้แก่ ระยะเริ่มต้น (7 วัน) ระยะกลาง (14 วัน) และระยะสุดท้าย (21 วัน) ได้เป็นอย่างดี

รศ.ดร.พัชรี กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อผู้ป่วยโรคไขข้อเสื่อมและผู้ที่มีปัญหาทางด้านข้อมือข้อเท้า ทั้งผู้สูงอายุ และนักกีฬา เพราะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลงได้อีกกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้จะเสียค่าใช้จ่ายสูงในการรักษา และขณะนี้ทางคณะแพทย์ของรพ.รามาธิบดี และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรจฒ์ (มศว.) อยู่ระหว่างการนำสเต็มเซลล์ที่ปลูกถ่ายเป็นกระดูกอ่อนได้ใหม่นี้ไปฉีดกลับเข้าไปในข้อเข่าของผู้ป่วยที่เป็นอาสาสมัคร 10คน ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการทดลองได้ 9 เดือนแล้วเพื่อดูผลของการรักษาว่า ถ้าผู้ป่วยได้รับการฉีดสเต็มเซลล์ฯ เข้าไปแล้วมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร หรือต้องมีการฉีดซ้ำหรือไม่ใน 1 ปี คาดว่าจะนำมาใช้กับผู้ป่วยได้ทั่วไปในเร็วๆ นี้แน่นอน

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์พิมพ์ไทย 

Shares:
QR Code :
QR Code