ฟื้นชีวิต “หุ่น” หลังเทศกาลหุ่นโลก

        ไม่ต้องเหินฟ้าไปไกลถึงต่างประเทศ แต่ชาวต่างชาติกว่า 80 ประเทศ จะนำหุ่นมาจัดแสดงใน “เทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพ” ที่ประเทศไทย ณ ท้องสนามหลวง และรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ระหว่างวันที่ 1 – 10 พฤศจิกายน นี้ ฟรี!


/data/content/26107/cms/e_bcfhmpsz5679.jpg


       ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม บอกว่า กว่าจะได้เป็นเจ้าภาพจัดเทศกาลหุ่นโลกไม่ใช่เรื่องง่าย จริงๆ เราขอมาหลายปี จนกระทั่งเข้าเห็นความตั้งใจจริง คณะผู้จัดได้ลงพื้นที่ เพื่อขอดูสถานที่จัดแสดง ท้ายที่สุดก็ไฟเขียวให้ไทยเป็นเจ้าภาพ


      “ศิลปะการเชิดหุ่น” ของแต่ละชาติ แม้แต่ของไทยเราจะมีเอกลัษณ์เฉพาะสื่อถึงมรดกวัฒนธรรม ประเพณีสืบทอดต่อกันมารุ่นต่อรุ่น บ้างก็มาพัฒนาปรับปรุงตัวหุ่น หรือเนื้อหาให้เหมาะกับยุคสมัย ซึ่งเทศกาลหุ่นครั้งนี้จะมีคณะหุ่นมาจากทุกสารทิศทั่วประเทศไทยประมาณ 40 คณะ อย่างไรก็ดี เทศกาลหุ่นโลกครั้งนี้ ไม่ว่าจะคณะของชาวไทยหรือชาวต่างชาติ จะวิจิตรตระการตางดงามมาก เพราะฉากหลังคือวัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง อีกทั้งช่วงที่จัดงาน เป็นช่วงเดียวกันกับเทศกาลลอยกระทง ชาวต่างชาติและชาวไทยจะได้สัมผัสสองเทศกาลในเวลาเดียวกัน


      “ครั้งนี้ไทยได้รับความไว้วางใจจากนานาชาติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลหุ่นโลกฯ ทำให้คณะหุ่นต่างๆ เกิดการตื่นตัว หันมาปัดฝุ่นหุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาไม่มีสถานที่ให้เขาประชันกัน จึงมั่นใจว่าหลังจากเทศกาลหุ่นโลก หุ่นของไทยจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะในปีถัดๆ ไป เราจะส่งคณะหุ่นของไทยไปร่วมแสดงในเทศกาลหุ่นทุกครั้งด้วย”


      นอกจากจะได้ตื่นตากับหุ่นนานาชาติแล้ว ยังจัดนิทรรศการหุ่น บอกเล่าประวัติของหุ่น เพราะหุ่นแต่ละประเทศมีความเป็นแตกต่างกัน ชุดที่หุ่นสวมจะสื่อถึงวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรม หรือรากเหง้าของชนชาตินั้นๆ ได้


      ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า ปีหน้าเราจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เราจะจัดหุ่นอาเซียน หรือรามเกียรติอาเซียน สิ่งเหล่านี้เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างมรดก มิติวัฒนธรรมกับร่วมสมัย ตรงนี้เราสามารถพัฒนาต่อได้เลย คือ ปลายปีนี้เทศกาลหุ่นโลก ปีหน้าจัดเทศกาลหุ่นอาเซียนได้เลย อยากให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) สอนการทำหุ่น แสดงหุ่นในสถานศึกษา เนื่องจากหุ่นสามารถจะสอนอะไรได้หลายเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องของการเรียนนอกห้องเรียน เรียนการทำหุ่น เชิดหุ่น เนื้อหาสาระสอดแทรกเรื่องท้องถิ่น มีนิทานเฉพาะ ภาษาที่ใช้ในการพากษ์หุ่นไม่จำเป็นจะต้องเหมือนกันในแต่ละภูมิภาค หรือจัดแสดงหุ่นทวิภาคี ลาวกับไทย มีหุ่นอะไรที่จะคุยกันได้ เราใช้มิติใช้หุ่นเชื่อมความรู้ อนุรักษ์ และอาจจะพูดค่านิยมไทยผ่านการเชิดหุ่น ซึ่งตรงเป็นเรื่องกุศโลบายที่เนียบเนียน


       “ถ้าเราทำอย่างจริงจัง ผ่านโรงเรียน สภาวัฒนธรรม ของแต่ละจังหวัดและสภาวัฒนธรรม กทม. เป็นการละลายพฤติกรรม ทำให้สนุกสนาน ความกตัญญู ปลูกฝังความรักชาติ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เหมือนการเขียนบทอยู่แล้ว บทเหล่านี้คนเล่นหุ่น คนแสดง คนดู นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน”


      ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า ผมมีแผนทำสปอร์ตค่านิยมไทยโดยใช้หุ่นเป็นสื่อกลาง โดยเราใช้หุ่นพูดในมิติต่างๆ ให้ต่างประเทศเข้าใจ สื่อเป็นภาษาอังกฤษ เกาหลี ญี่ปุ่น และอื่นๆ หรือบางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดแต่อากัปกริยาก็ทำให้คนทั่วโลกเข้าใจได้


     ในส่วนของกระทรวงวัฒนธรรม มีแผนสนับสนุนเพื่อไม่ให้หุ่นสูญหาย ซึ่ง วธ. ทำอยู่แล้วโดยในช่วงปิดเทอม มีกิจกรรมให้เยาวชน ครอบครัว มาทำกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการทำหุ่น ในอนาคตนอกจากทำหุ่นได้แล้ว จะสอนเชิด เขียนบท แล้วแสดง เพื่อให้เยาวชน ผู้ปกครองได้เรียนรู้ครบทุกขั้นตอน


     “หุ่นศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งมีอัตลักษณ์พื้นถิ่น มีเสน่ห์ เรามองข้ามว่าหุ่นเป็นอดีต เป็นมรดกตกทอดรุ่นสู่รุ่น ตั้งโชว์ เป็นพยานวัตถุอยู่ในตู้ แต่จริงๆแล้ว หุ่นมีชีวิต สื่อถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ผมเคยไปดูนิทรรศการของ ร.2 ที่จัดไว้ ลองคิดดูหากคนเล่นหุ่นสมัยก่อนจะวิเศษมาก ผมคิดว่าตรงนี้ หุ่นร่วมสมัย คณะต่างๆ จะดึงดูดให้เด็ก เยาวชน ประชาชนกลับไปหาอดีต ผมจินตนาว่า ระหว่างเทศกาลหุ่นโลกกำลังจัดแสดง ผู้ชมชาวไทย ต่างชาติ อาจจะได้ไอเดีย สร้างหุ่นสไตล์ของตนเอง เขียนบท แล้วเชิดหุ่น เพิ่มมากขึ้น หุ่นก็ไม่มีวันล้มหาย ขณะเดียวกันจะมีการสร้างสรรค์หุ่นสมัยใหม่ด้วย”


      เชื่อว่า ในเร็วๆ นี้ จะเห็นการเชิดหุ่นเพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเพิ่มมากขึ้น เพราะหุ่นดึงดูดความสนใจเด็ก เด็กเข้าถึงเนื้อหาบทเรียนได้ง่าย หรือเยาวชนรุ่นใหม่ เชิดหุ่น ถ่ายคลิปวิดีโอ เผยแพร่ในยูทูป หากเป็นดั่งคาด หุ่น จะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก


 


 


      ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์


      ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

Shares:
QR Code :
QR Code