“พระองค์โสม” ทรงห่วง ค่านิยมเด็กไทย สูบเพราะอยากโก้
ศจย.เผย เยาวชนใช้เงินซื้อบุหรี่เฉลี่ยวันละกว่า 20 ล้านบาท
สถานการณ์การสูบบุหรี่ในเยาวชน….ยังคงสร้างปัญหาสุขภาพให้แก่คนในสังคมไทย ทั้งจากการสูบบุหรี่โดยตรง และการได้รับควันบุหรี่มือสอง ทำให้จำนวนผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวเนื่องกับมะเร็งมีจำนวนเพิ่มสูง จนน่าเป็นห่วงนั้น ทางมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ก็มิอาจนิ่งนอนใจได้ จึงร่วมกับ ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) จัดงาน การประชุมวิชาการระดับชาติ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 7 ในหัวข้อ “เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจ ต้านภัยบุหรี่” เพื่อสร้างความตระหนักถึงปัญหาการเสพติดบุหรี่ในเยาวชนทั้งชาย และ หญิง
โดยการประชุมครั้งนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน และทรงแสดงความห่วงใยเรื่องการสูบบุหรี่ไว้ในคำตรัสเปิดงาน ว่า
“เหตุที่เราต้องรณรงค์เรื่องพิษภัยของบุหรี่ และยกขึ้นเป็นปัญหารับชาติ ก็เพราะบุหรี่เป็นสิ่งเสพติดให้โทษที่แพร่หลายมากที่สุด และนำพาไปสู่การติดสิ่งเสพติดอื่น ๆ อีกทั้งในสังคมไทยทุกวันนี้ ยังมีผู้ใหญ่อีกหลาย ๆ คนที่ยังไม่เห็นพิษภัยของบุหรี่และยังมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ที่ส่งผลให้เด็กที่เป็นเยาวชนทั้งหลาย มองการสูบบุหรี่เป็นเรื่องทันสมัย โก้เก๋ โดยมิได้คำนึงถึงพิษภัยของควันบุหรี่ ว่าทำร้ายคนรอบข้าง โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์ และนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บต่อสุขภาพ ทำให้ส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมส่วนรวม”
ด้าน นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้ให้ความเห็นว่า เนื่องจากบุหรี่เป็นสิ่งเสพติดให้โทษที่แพร่หลายอย่างมากที่สุด และเข้าถึงประชาชน รวมถึงเยาวชนได้ง่าย จึงได้มีการเรียกร้องให้ภาครัฐออกกฎหมายห้ามบริษัทบุหรี่พบกับนักการเมือง ข้าราชการ เพื่อป้องกันการแทรกแซงนโยบายรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐควรปฏิเสธการรับเงินจากบริษัทบุหรี่ ตามโครงการคืนกำไรสู่สังคม เพื่อหลีกเลี่ยงผลประโยชน์ทับซ้อน และใช้เป็นช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อการโฆษณา
“ในขณะที่บุหรี่เถื่อนมีบริษัทผู้ผลิตบุหรี่เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เพื่อเป็นมาตรการไม่ให้รัฐปรับขึ้นภาษี ซึ่งในเมืองไทยพบว่านักการเมืองไทยนิยมสูบบุหรี่หนีภาษีเป็นจำนวนมาก ส่วนกลยุทธ์ของบริษัทบุหรี่ข้ามชาติที่น่าเป็นห่วง คือการปรับรูปแบบซองบุหรี่เป็นซองแฟชั่น หลอกล่อเยาวชน ซึ่งพบว่าสามารถหาซื้อได้แล้วตามย่านสยามสแควร์ และสะพานพุทธ อีกทั้งยังมีการลักลอบตั้งบูธโฆษณาบุหรี่ตามเทศกาลท่องเที่ยวต่างจังหวัด ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย” นพ.ประกิต กล่าว
นพ.ประกิต ให้ความเห็นต่ออีกว่า ที่สำคัญคือ เป้าหมายของบริษัทบุหรี่ที่พุ่งเป้าไปที่เยาวชนรุ่นใหม่ เพื่อให้เสพติดบุหรี่ ทดแทน ผู้ที่เคยสูบแล้วเสียชีวิตไปนั้น เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ดังจะเห็นได้จากแนวโน้มการสูบบุหรี่ของเยาวชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าเยาวชนมีทัศนคติเกี่ยวกับบุหรี่ที่ผิด อันเกิดจากกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทบุหรี่
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ผศ.ดร.
“เยาวชนใช้เงินซื้อบุหรี่เฉลี่ยวันละ 10 บาทต่อคน คิดเป็นวันละ 20 ล้านบาท โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจปี 2550 พบว่าเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือ 93.6% ไม่เคยถูกผู้ขายตรวจบัตรประชาชน และ 58.8% ไม่เคยถูกปฏิเสธที่จะขายบุหรี่ด้วยวาจา ทั้งนี้ 68.25% ซื้อบุหรี่แบบแบ่งขาย แสดงให้เห็นว่า การเข้าถึงบุหรี่ของเยาวชน ด้วยการละเมิดกฎหมายยังมีอยู่ ซึ่งรัฐจำเป็นต้องควบคุมและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง” ผศ.ดร.ลักขณากล่าว
ผศ.ดร.ลักขณา กล่าวอีกว่า จากการวิจัย “ความคิดเห็นของวัยรุ่นต่อภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ และพฤติกรรมการสูบบุหรี่” ระหว่างวันที่ 9-29 ก.พ. 2551 ในกลุ่มตัวอย่างอายุ 13-18 ปี เขตกทม.ปริมณฑล และเขตเทศบาลของเชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา พบ 30.6% สูบบุหรี่เป็นประจำตอนอายุ 15 ปี และ 15.8% สูบเป็นประจำตอนอายุ 14 ปี โดย 75.7% มีเพื่อนสนิทเป็นคนที่สูบบุหรี่ด้วย กว่า 20% สูบเฉลี่ยวันละ 10 มวนขึ้นไป สถานที่สูบเป็นประจำ คือ บ้านพักตนเอง บ้านเพื่อน และโรงเรียน
ผศ.ดร.ลักขณา กล่าวด้วยว่า เมื่อสำรวจถึงความรู้สึกตำหนิพฤติกรรมการสูบบุหรี่ พบว่า 90% ระบุว่า ครู เป็นคนที่น่าตำหนิที่สุดหากสูบบุหรี่ในสถานศึกษา รองลงมาคือ เพื่อนสนิทเพศหญิง จะถูกตำหนิมากกว่าเพื่อนผู้ชาย และแฟน การแสดงออกต่อผู้สูบบุหรี่ หากเป็นคนใกล้ชิดกลุ่มตัวอย่างจะแสดงอาการไม่พอใจ ต่อว่า เตือน หากเป็นกลุ่มบุคคลที่ไกลตัว และไม่รู้จักจะแสดงออกโดยหลีกเลี่ยง
ส่วนเยาวชนที่สูบบุหรี่ 38.4% บอกว่ารู้สึกได้รับแรงกดดันจากครอบครัวและคนรอบข้างให้เลิกสูบ ขณะที่ 50% ระบุว่าได้รับแรงกดดันมาก ถึงค่อนข้างกดดัน จากกฎหมายเขตปลอดบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ
การประชุมในครั้งนี้ จะช่วยให้หลายฝ่ายได้ประสานความคิด ความร่วมมือ ในการวางนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการเฝ้าระวังและป้องกันบุหรี่ ก่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเชิงวิชาการที่หลากหลาย หากนำไปเผยแพร่สู่ประชาชนในทุกระดับโดยเฉพาะเยาวชน ทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นอนาคตของชาติ ให้ได้รับการซึมซับถึงพิษภัยของบุหรี่ได้อย่างถูกต้อง เชื่อว่า…เยาวชนจะประพฤติตนให้ห่างไกลจากยาเสพติดได้
เรื่องโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์ Team content www.thaihealth.or.th
Update 05-08-51