พบเด็กไทยสายตาผิดปกติเพิ่มขึ้น
สำรวจพบเด็กไทยมีภาวะสายตาผิดปกติ ร้อยละ 6.6 และจำเป็นต้องใส่แว่นสายตาร้อยละ 4.1 คาดว่าทั่วประเทศมีเด็กที่จำเป็นต้องใส่แว่นตาประมาณ 2.6 แสนคน เพื่อลดปัญหาการตาบอดจากสายตาผิดปกติ
แฟ้มภาพ
ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ลดความเคร่งเครียดจากการเรียนเนื้อหา มาเป็นกิจกรรมกลุ่มสร้างสันสนุกสนานเสริมสร้างทักษะ ด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขร่วมสนับสนุนนโยบายนี้ โดยสั่งการให้บุคลากรสาธารณสุขระดับดำเนินการ ดังนี้ 1.สนับสนุนการจัดกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ของสถานศึกษาในพื้นที่ 2.เตรียมเด็กวัยเรียนให้พร้อมเรียนรู้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนโดยร่วมกับทางโรงเรียนตรวจคัดกรองสายตาและส่งต่อแก้ไขหากพบความผิดปกติ 3.จัดกิจกรรมบนฐานของหน้าต่างแห่งโอกาสแต่ละช่วงวัยหรือช่วงชั้นเรียน 4.ให้ความสำคัญกับการลดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรภาระโรคและปัจจัยเสียงเน้นก่อให้เกิดความตระหนักรู้ด้านสุขภาพทักษะการมีสุขภาพและชีวิตที่ดี สอดคล้องกับค่านิยม 12 ประการดำเนินการให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนปัญหาสุขภาพและต้นทุนทางสังคมในพื้นที่
ด้าน นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในเด็กไทยพบปัญหาภาวะสายตาผิดปกติ ที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับที่เด็กใช้สายตาผ่านอุปกรณ์ดิจิทอลมากขึ้น การรับแสงและการเพ่งมองจอเป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อสายตาเมื่อยล้า หรืออาจทำให้จอตาเสื่อมไวขึ้น และนำไปสู่ภาวะตาบอดด้วยตาเลือนรางได้ หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาอย่างเหมาะสมและทันเวลา เพราะสายตาและการมองเห็นคือจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่พัฒนาการทางสมอง และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดกระบวนการจดจำคิดและสร้างสรรค์ จนกลายเป็นการเรียนรู้ความฉลาด และนำไปสู่พัฒนาการด้านอื่นตามมา ข้อมูลจากการสำรวจโดยครูในเด็กก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษาในโรงเรียน 17 แห่งในปี 2555 พบสายตาผิดปกติ ร้อยละ 6.6 จำเป็นต้องใส่แว่นสายตา ร้อยละ 4.1 คาดว่าทั่วประเทศมีเด็กที่จำเป็นต้องใส่แว่นตาประมาณ 2.6 แสนคน เพื่อลดปัญหาการตาบอดจากสายตาผิดปกติ
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า