ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยเรื้อรังเสี่ยงเป็นโรคน้ำกัดเท้า

แนะดูแลความสะอาดหลังลุยน้ำ

 

 

          โรคน้ำกัดเท้าลามประชาชน จากเหตุการณ์น้ำท่วมกว่าครึ่ง ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง รับคำสั่ง สธ.ออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ช่วยเหลือประชาชน ชี้ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยเบาหวาน เสี่ยงป่วยน้ำกัดเท้ากว่าคนปกติ แนะดูแลความสะอาดหลังลุยน้ำโสโครก

 

ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยเรื้อรังเสี่ยงเป็นโรคน้ำกัดเท้า

          หลังจากการที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอุทกภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข และพบว่า มีผู้เจ็บป่วยทางกายรวม  107,223 ราย ซึ่งจำนวนกว่าครึ่งเป็นโรคน้ำกัดเท้า ปวดเมื่อยตามร่างกายและไข้หวัดนั้น นพ.จิโรจ สินธวานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ สธ. กล่าวว่า ทางสถาบันผิวหนัง ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย โดยการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ เพื่อดูแล รักษาและกระจายยาที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยแล้ว โดยล่าสุด สธ.ได้สั่งการให้มีการลงพื้นที่ใน 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ชุมพวง และ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยก่อน โดยผลจากการตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว พบว่า ป่วยเป็นโรคน้ำกัดเท้าทั้งหมด ราว 400 คน โดยร้อยละ 80 เป็นโรคน้ำกัดเท้าระยะแรก คือ มีอาการผื่นคัน ตุ่มแดง และผิวหลังถลอกเล็กน้อย ส่วนที่เหลือนั้นป่วยในระยะที่ 2 คือ มีเชื้อแบคทีเรียและมีเชื้อราในผิวหนังพบป่วยร้อยละ 10 ซึ่งแพทย์และเจ้าหน้าที่มีการแจกยาให้แก่ผู้ป่วยแล้ว โดยในผู้ป่วยระยะแรกนั้นจะแนะนำให้ล้างเท้าและเช็ดให้แห้ง ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ก็ให้เยาทาประเภทสเตียรอยด์อ่อน ๆ สำหรับผู้ป่วยระยะ ที่ 2 นั้น ต้องให้ยาฆ่าเชื้อรา

 

          ส่วนมากประชาชนมักป่วยเป็นโรคน้ำกัดเท้าระยะแรก และตื่นตระหนกไปกับอาการ พอเห็นผื่นคันก็จะเข้าใจว่ามีแผลที่ติดเชื้อรา ก็จะใช้ยาฆ่าเชื้อราทันที ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวนั้นเป็นการเข้าใจผิด ผลที่เกิดขึ้น คือ หลังจากใช้ยาเชื้อราบางชนิดจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองและแสบมากขึ้น อาการจะหนักกว่าเดิม ดังนั้นการมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำก็จะช่วยให้ประชาชนรับทราบข้อมูลส่วนนี้เพิ่มเติม” นพ.จิโรจ กล่าว

 

          ผอ.สถาบันผิวหนัง กล่าวด้วยว่า โรคน้ำกัดเท้าไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงที่น้ำเริ่มท่วม แต่มักจะเกิดเมื่อสถานการณ์ผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากบางครั้งสภาพแวดล้อมที่ชื้นแฉะ ปนกับสารตกค้างจากโรงงาน จากซากสัตว์และสิ่งสกปรกต่างๆ ก็ล้วนเป็นปัจจัยในการเกิดโรคดังกล่าวทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อการเฝ้าระวังและติดตามช่วยเหลือผู้ป่วยโรคผิวหนัง หน่วยแพทย์เคลื่อนที่จะมีการประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในท้องถิ่นลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนเป็นลำดับขั้นตามที่ส่วนท้องถิ่นได้แจ้งมายังกระทรวง ดังนั้นหากพื้นที่ใดน้ำเริ่มลดและมีการรายงานจากส่วนท้องถิ่นว่าพบผู้ป่วยโรคผิวหนัง ทาง สธ.ก็จะสั่งการมายังสถาบันโรคผิวหนังเพื่อดำเนินการ โดยจะทยอยลงพื้นที่แต่ละจังหวัดตามความต้องการของท้องถิ่น

 

          นพ.จิโรจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงจะเป็นโรคน้ำกัดเท้าจากเหตุการณ์น้ำท่วมนั้น มี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีนิ้วมือ นิ้วเท้าที่เบียดกัน ง่ายต่อการเสียดสี และโรคน้ำกัดเท้าก็จะเกิดในบริเวณง่ามมือ ง่ามเท้า ดังนั้นการมีนิ้วที่เบียดกันและเสียดสีกันบ่อยก็จะเกิดโรคนี้ได้ง่ายขึ้น กลุ่มที่ 2 เป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรังจำพวกเบาหวาน กลุ่มนี้หากป่วยแล้ว แผลจะลามง่ายกว่า บริเวณผิวหนังจะเป็นขุย เปื่อย เนื่องจากมีภูมิต้านทานต่ำกว่าคนปกติ ดังนั้นเพื่อป้องกันโรคแนะนำการดูแลตนเองโดยหลีกเลี่ยงการแช่เท้าในน้ำนาน ๆ หากจำเป็นต้องลุยน้ำให้สวมรองเท้าบู๊ทกันน้ำ ป้องกันของมีคมในน้ำทิ่ม ตำเท้า รีบทำความสะอาดเท้าด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ เช็ดเท้าให้แห้งเมื่อเสร็จธุระนอกบ้าน หากมีบาดแผลตามผิวหนังไม่ควรสัมผัสน้ำสกปรก เมื่อมีแผล ผื่น ที่ผิวหนังให้พบแพทย์ ทายาหรือรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ

 

 

 

 

Update : 26-10-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : สุนันทา สุขสุมิตร

 

Shares:
QR Code :
QR Code