ผลิต “ไบโอดีเซล” ลดมลพิษทางน้ำชุมชนปากพูน

รีไซเคิล น้ำมันพืช สร้างสุขภาวะท้องถิ่น

 

ผลิต “ไบโอดีเซล” ลดมลพิษทางน้ำชุมชนปากพูน 

          น้ำมันพืชใช้แล้วของชาวบ้านกลายเป็นมลพิษทางน้ำของบ้านปากพูนมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำปากพูนได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หลังจากที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากพูน ภายใต้การนำของ ธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คิดหาทางแก้ปัญหาด้วยการนำมาผลิตเป็นไบโอดีเซลใช้กับเครื่องจักรกลของ อบต. และจำหน่ายให้แก่ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพทำประมง ซึ่งเป็นอาชีพของคนส่วนใหญ่ใน ต.ปากพูน

 

          “ชาวบ้านปากพูนส่วนใหญ่เป็นมุสลิม มีอาชีพหลักคือการทำประมง แล้วก็ขายไก่ทอดมุสลิม ขายปาท่องโก๋ ซึ่งมีอยู่เยอะมาก ที่ผ่านมาน้ำมันที่ใช้แล้วส่วนใหญ่ชาวบ้านจะนำไปทิ้งลงในแม่น้ำ (ปากพูน) กลายเป็นปัญหาทางมลภาวะทางน้ำ ทำให้น้ำเน่าเสีย ดังนั้นการแปลงสภาพน้ำมันพืชที่ใช้แล้วมาผลิตเป็นไบโอดีเซล จึงเป็นแนวคิดของท่านนายกอบต. (ธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์) ที่ต้องการแก้ปัญหาดังกล่าว”

 

          กมลพรรณ อภิรักษ์สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เผยถึงที่มาของโรงผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้วของ อบต.ปากพูน โดยระบุว่าโรงผลิตแห่งนี้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 โดยการสนับสนุนของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ที่มอบเครื่องผลิตไบโอดีเซลมาให้จำนวน 1 เครื่อง มูลค่ากว่า 3 แสนบาท จากนั้น อบต. ได้ดัดแปลงเครื่องผลิตเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้มากขึ้น

 

          เธอกล่าวต่อว่า ช่วงแรกชาวบ้านไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่หลังจาก อบต. โดยการสนับสนุนของสสส. รณรงค์ถึงสุขภาวะชุมชน ให้เห็นพิษภัยของน้ำมันใช้แล้วที่ทิ้งลงในแม่น้ำลำคลอง ทำให้ชาวบ้านเริ่มตระหนักถึงปัญหาและให้ความร่วมมือในที่สุด ขณะเดียวกัน อบต. ก็มีกลยุทธ์ในการดึงชาวบ้านนำน้ำมันพืชใช้แล้วมาส่งให้แก่ อบต. เพื่อผลิตไบโอดีเซล ด้วยการนำน้ำมันพืชใช้แล้ว 1 ลิตร แลกกับน้ำประปา 3,000 ลิตร ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

 

          “ตอนนี้น้ำมันพืชใช้แล้วที่ปากพูนมีค่ามาก เพราะสามารถเอามาแลกเป็นน้ำประปาได้ คือน้ำมัน 1 ลิตร สามารถแลกน้ำประปาได้ถึง 3,000 ลิตร แต่เฉพาะชาวบ้านใน ต.ปากพูนเท่านั้นนะ” เจ้าหน้าที่คนเดิมย้ำชัด

 

          กมลพรรณ ยอมรับว่า ปัจจุบันโรงผลิตไบโอดีเซลชุมชนสามารถผลิตไบโอดีเซลเฉลี่ย 50 – 100 ลิตรต่อวัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบด้วย เพราะน้ำมันพืชใช้แล้วที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบนั้น นอกจากชาวบ้านจะนำมาแลกน้ำประปาแล้ว อบต. ยังได้ออกตระเวนซื้อตามตลาดต่างๆ ในพื้นที่เพิ่มเติม อาทิ ตลาดท่าปลา ตลาดท่าแพ อีกด้วย โดยไบโอดีเซลที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะนำไปใช้กับเครื่องจักรกลของ อบต. และจำหน่ายให้แก่ชาวบ้านนำไปใช้กับเรือประมง ในราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซล ลิตรละ 5 บาท

 

          “ไบโอดีเซลของเราได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงพลังงาน จึงไม่ต้องห่วงในเรื่องคุณภาพ แล้วข้อดีไม่ทำให้อะไหล่เครื่องยนต์เป็นสนิม เพียงแต่ช่วงแรกๆ ต้องเปลี่ยนไส้กรองถี่หน่อย ส่วนราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ลิตรละ 18 บาท ในขณะที่ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ลิตรละ 11 บาท ยังไงก็ถูกกว่าดีเซล แต่ปัญหาตอนนี้ปริมาณที่ผลิตได้ในแต่ละวันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะวัตถุดิบมีจำนวนจำกัด” กมลพรรณบอก

 

          ทางด้าน สมพร ใช้บางยาง รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 3 สสส. กล่าวเสริมว่า สาเหตุที่ สสส. เลือกพื้นที่ อบต.ปากพูนเพื่อพัฒนาให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมการจัดการสุขภาวะโดยชุมชน เนื่องจาก ต.ปากพูน เป็นชุมชนที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่องค์กรปกครองท้องถิ่นอื่นๆ เช่นเดียวกับอบต.ปากพูน ทั้งนี้ในปี 2552 ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะพัฒนาแหล่งฝึกอบรมไม่ต่ำกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ

 

          ขั้นตอนการผลิต “ไบโอดีเซล”

 

          ธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์ นายกองค์การบริการส่วนตำบล (อบต.) ปากพูน อธิบายถึงกระบวนการผลิตไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชใช้แล้ว โดยระบุว่าหลังจากที่ได้รับน้ำมันพืชมาแล้วก็นำมาต้มพออุ่นเพื่อละลายไขมัน จากนั้นก็ไส่สารเคมีซึ่งมีส่วนผสมของเอทานอลและโปแตสเซียมลงไปเพื่อหาค่าของน้ำ เมื่อได้ค่าแล้วก็เอาไปต้มที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมง

 

          จากนั้นก็ส่งน้ำมันเข้าไปในถังเพื่อแยกกลีเซอรีนออกมาเปรียบเทียบค่าความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำมัน เสร็จแล้วก็ปล่อยให้ตกตะกอนแล้วก็ส่งไปที่หม้อต้มอีกครั้ง โดยใช้เวลาต้มประมาณ 2 ชั่วโมงในอุณหภูมิที่ 120 องศาเซลเซียส จึงเป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการผลิต ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 8 – 9 ชั่วโมงกว่าจะเสร็จสิ้นในทุกขั้นตอน เมื่อได้ไบโอดีเซลมาเรียบร้อยแล้วก็มาหาค่าความหนืด ซึ่งจะอยู่ไม่เกิน 8.9 ถ้าเกินกว่านี้จะใช้กับเครื่องยนต์ไม่ได้ เพราะน้ำมันจะเป็นไข ฉะนั้นความหนืดจะต้องไม่เกิน 8.9

 

          ธนาวุฒิ ยังเผยอีกว่า ในกระบวนการผลิตไบโอดีเซลนั้น นอกจากจะผ่านเครื่องจักรที่ได้รับความอนุเคราะห์จากกระทรวงพลังงานแล้ว ตนเองยังได้ดัดแปลงกระบวนการผลิตเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อจะได้ประหยัดเวลาและพลังงานมากขึ้น

 

          อย่างเช่น การคิดประดิษฐ์หม้อต้มในขั้นตอนแรกก่อนน้ำมันจะเข้าไปสู่กระบวนการผลิต โดยดัดแปลงมาจากถังน้ำมัน 200 ลิตรใช้เป็นหม้อต้ม นอกจากนั้นแล้วขั้นตอนการผลิตในช่วงกลางๆ ก็ได้คิดค้นวิธีการประหยัดพลังงานและเวลาได้มากขึ้นด้วย

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

 

 

update 15-06-52

อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code