ปั่นทุกวันยกเว้นวันพระ กับนักปั่นเก้าเลี้ยว
สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญใครๆ ก็รู้ แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนักและเอาใจใส่ในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง บางคนกว่าจะรู้ตัวก็เมื่อย่างเข้าวัยกลางคน และล่วงเข้าสู่ปัจฉิมวัยด้วยร่างกายที่อ่อนล้า โรคภัยมากมายเข้ารุมเร้า ทั้งเบาหวาน ความดัน โรคไต ข้อเข่าเสื่อม ฯลฯ กระทั่งดูเหมือนว่า คนในวัยกลางคนขึ้นไป จะต้องมีโรคประจำตัวอย่างใดอย่างหนึ่งจนกลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
แต่การประเมินว่าโรคภัยไข้เจ็บและความอ่อนล้าจะต้องเป็นของคู่วัยชรา คงจะใช้ไม่ได้กับบรรดาสมาชิกผู้สูงอายุแห่ง “ชมรมปั่นจักรยานอำเภอเก้าเลี้ยว” ซึ่งเป็นชมรมจักรยานที่ก่อตั้งโดยสมาชิกชุมชนและดำเนินการมานานกว่า 10 ปี เพราะสมาชิกผู้สูงวัยทุกคนในชมรมล้วนมีสุขภาพแข็งแรงอย่างน่าทึ่ง นอกจากเดินเหินคล่องแคล่ว ปฏิบัติภารกิจการงานได้อย่างกระฉับกระเฉงแล้ว ยังแทบไม่เคยเจ็บป่วยจากโรคภัยใดๆ ซึ่งทุกคนยืนยันตรงกันว่า เป็นผลมาจากการปั่นจักรยานทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี
“ตีห้ามารวมกันที่จุดนัดหมาย พอตีห้าครึ่งก็เริ่มต้นปั่นไปตามเส้นทาง ใครไม่มาก็แล้วแต่ ใครมาก็ปั่นกันไปเรื่อยๆ ไปข้ามสะพานที่ข้ามแม่น้ำปิง สะพานแรก ปั่นมาที่ตำบลเขาดิน แล้วก็ปั่นข้ามสะพานแม่น้ำปิงสะพานที่สอง ไปที่ตำบลมหาโพธิ แล้วก็กลับมาที่เดิม ระยะทางก็ประมาณ 15 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ยี่สิบนาที ก็จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้ออกกำลังกายทุกวัน ยกเว้นวันพระ เพราะต้องไปทำบุญที่วัดกัน” สง่า ภู่พันธุ์ ประธานชมรมฯ วัยเจ็บสิบกว่าปีกล่าว
“ชมรมเราก่อตั้งเมื่อประมาณปี 2545 โดยนายประเสริฐ ศักดิ์ดี รวบรวมสมาชิกมาได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่มีโรคประจำตัวไม่ค่อยแข็งแรง มีโรคภัยไข้เจ็บเยอะ เราก็เลยมารวมกลุ่มปั่นจักรยานกันโดยตั้งใจว่า อยากจะให้ทุกคนมีสุขภาพดี แล้วก็ให้เกิดความรักความสามัคคีของคนในชุมชน เมื่อไปตรวจสุขภาพในแต่ละปีก็พบว่า โรคเบาหวาน ความดัน สามารถควบคุมได้ สุขภาพดีขึ้นเป็นลำดับ เราก็ดำเนินการมาเรื่อยๆ มีกิจกรรมสม่ำเสมอโดยเน้นเรื่องจิตอาสา ร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือทรัพย์กันตามสมควร เวลาทำกิจกรรมเราเปิดรับทุกเพศทุกวัย จะปั่นจักรยานแบบไหนมาร่วมกิจกรรมก็ได้ ตอนนี้เราก็มีสมาชิก 118 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แล้วก็ชอบการปั่นจักรยาน ชอบที่จะมาร่วมกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ คือมีจิตอาสาน่ะ สมาชิกเราจะสุขภาพดีกันทุกคนนะ เพราะได้ออกกำลังกายทุกวัน”
ด้าน บุญเพลง ตั้งประเสริฐ สมาชิกชมรมฯ วัย 85 ปี เล่าว่า ปั่นจักรยานมาตลอด ไปไหนมาไหนก็จะใช้จักรยาน ทุกวันนี้ก็จะปั่นจักรยานทุกเช้าเป็นการออกกำลัง ที่ผ่านมาก็รู้สึกว่า ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยไข้แต่อย่างใด
“ผมจะปั่นจักรยานทุกเช้ากับชมรม ปั่นมาตั้งนานแล้วครับ ไปไหนมาไหนผมก็ใช้จักรยาน มีกิจกรรมอะไรก็ไปด้วย ปั่นไปไกลๆ ไปอำเภอชุมแสง ไปบึงบอระเพ็ด ก็ไปนะ สนุก แล้วสุขภาพเราก็แข็งแรงด้วย”
สง่า ภู่พันธุ์ ประธานชมรมจักรยานฯ ยังกล่าวว่า กิจกรรมของทางชมรมจะมีอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี นอกจากการปั่นจักรยานทุกเช้ายกเว้นวันพระแล้ว ยังมีการปั่นทางไกล ,การไปร่วมขบวนรณรงค์ต่างๆ ที่ทางจังหวัดประสานมา ,การนำสิ่งของไปมอบให้ผู้ป่วยติดเตียง,การไปร่วมปั่นรับขบวนนักปั่นจักรยานชมรมอื่นๆ ที่มาจากต่างจังหวัด,การไปทำบุญต่างจังหวัด รวมถึงการปั่นจักรยานร่วมในขบวนเทิดพระเกียรติฯ วันที่ 5 ธันวาคมและวันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี ซึ่งสมาชิกชมรมหลายคนเคยมีโรคประจำตัว แต่เมื่อมาร่วมปั่นจักรยานเป็นประจำ ทำให้สุขภาพดีขึ้นมาก ล่าสุดทางกลุ่มยังได้ริเริ่มให้มีการฝึกรำกระบองส่งเสริมสุขภาพโดยมีสมาชิกเข้าร่วมกว่า 40 คน
“ทางชมรมเราก็มีแนวคิดว่า อยากจะขยายกลุ่มออกไปเรื่อยๆ พยายามจะชักชวนคนอื่นๆ ทุกเพศทุกวัยให้มาร่วมกิจกรรม ร่วมปั่นจักรยานกัน ทุกวันนี้ก็มีเด็กๆ นักเรียนมาปั่นจักรยานกันเยอะขึ้นนะ เวลามีกิจกรรมเขาก็มาเข้าร่วม แต่สำหรับบางคนที่เขาไม่สนใจเลยก็ยังมี อาจจะทำมาค้าขายอย่างเดียว แต่สุขภาพเขาก็จะไม่ค่อยดีเหมือนเรา” ประธานชมรมฯ กล่าว
ด้าน กิตติวัฒน์ เลิศพรตสมบัติ นายกเทศบาลตำบลเก้าเลี้ยว กล่าวว่า ชมรมจักรยานผู้สูงอายุเก้าเลี้ยว เป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของชาวบ้านและดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและเข้มแข็งมากกว่า 10 ปี มีการเชื่อมโยงงานกับส่วนอื่นๆ เช่น จิตอาสาเยี่ยมเยียนผู้ป่วยติดเตียง ,การสร้างเสริมสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย, การใช้งานและการเผยแพร่ความรู้ในการใช้สมุนไพร ฯลฯ จึงนับได้ว่า ชมรมจักรยานฯ เป็นกลุ่มแกนหลักที่สำคัญยิ่งของตำบลเก้าเลี้ยว ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เกิดจากการที่เราไปส่งเสริมให้ชาวบ้านได้มองเห็นศักยภาพและเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
“เมื่อก่อนชาวบ้านเขาจะคาดหวังว่า เราจะเป็นหัวขบวนในการดูแลพัฒนา และชาวบ้านไม่ต้องมาเกี่ยวข้องอะไร ซึ่งวิธีนี้ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นภาระหน้าที่ของผู้บริหารทั้งหมด เราก็พยายามจะเปลี่ยนแนวคิดนี้ ให้เป็นการดำเนินการโดยชุมชน เพื่อชุมชน ต้องดึงเอาชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ให้เขาเห็นว่า การมีส่วนร่วมเป็นพลังในการขับเคลื่อนไปด้วยกัน ผมคิดว่าอันนี้เป็นหัวใจสำคัญนะ และเมื่อมีการเช็คทุน เช็คศักยภาพในพื้นที่ เราก็จะรู้ว่าเราพร้อมแค่ไหน จากการเปิดเวทีประชาคม พบว่ามีชาวบ้านที่ไม่ได้สนใจในการมีส่วนร่วมประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ชาวบ้านอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เห็นด้วย เราก็โอเค เพราะไม่ได้คาดหวังร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราคาดหวังที่การเรียงร้อยแหล่งเรียนรู้และการขับเคลื่อนในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ที่จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และตลอดเวลาสองปีที่ดำเนินการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เพื่อจะขึ้นเป็นตำบลสุขภาวะ ทำให้ได้เห็นว่า ชาวบ้านมีการเปลี่ยนแปลงมาก มีการพัฒนา มีการเรียนรู้ เมื่อเราให้คุณค่ากับเขา เขาก็เกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง”
วันนี้ เทศบาลตำบลเก้าเลี้ยวได้ก้าวขึ้นมาเป็น “ตำบลสุขภาวะ” เป็นศูนย์เรียนรู้ จากการสนับสนุนของสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เป็นการยกระดับชุมชนให้เข้มแข็งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ความยั่งยืนในอนาคต โดยมีกลุ่มแกนนำสำคัญคือชมรมจักรยานผู้สูงอายุ ซึ่งสมาชิกแต่ละท่านแม้จะสูงวัย แต่ยังแข็งแรง และยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นต้นแบบในการดูแลสุขภาพและต้นแบบของจิตอาสาที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
หากใครได้มาเยือน“เก้าเลี้ยว” จะได้พบกับสมาชิกชมรมฯ ที่มารวมตัวกันทุกเช้า เพื่อปั่นจักรยานออกกำลังเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร ชนิดที่แรงดีไม่มีตก และหนุ่มๆ สาวๆ ที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังอาจจะต้องหมดแรง ยอมแพ้ไปก่อน
ขอย้ำ ว่าผู้สูงอายุเหล่านี้ปั่นจักรยานกันวันละ 15 กิโลเมตรทุกวัน ยกเว้นแค่ “วันพระ” เท่านั้น
ที่มา : ปันสุข