ปลูกฝังวินัยใช้รถ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกระทรวงมหาดไทยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันจัดงานสัมมนาระดับชาติเรื่องความปลอดภัยทางถนนครั้งที่12โดยมีการเสวนาเรื่อง“การจัดการครึ่งทางทศวรรษและบทเรียนการจัดการที่เข้มแข็งจากต่างประเทศ”
แฟ้มภาพ
เป้าหมายสำคัญของการจัดการสัมมนาในครั้งนี้เนื่องมาจากอุบัติเหตุจราจรอันเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บการสูญเสียชีวิตร่างกายและทรัพย์สินซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีการสูญเสียมากยิ่งขึ้นหากไม่มีมาตรการในการแก้ไขและป้องกัน
ดร.สุเมธ องกิตติกุล นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) บอกถึงงานวิจัยด้านการติดตามและประเมินผลจากการปฏิบัติตามแผนงานเพื่อบรรลุเป้าหมายทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนว่า “สิ่งที่พยายามพูดถึงกันในวันนี้คือจำนวนตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุซึ่งจากการเก็บข้อมูลที่ผ่านมายังไม่มีตัวเลขที่ตรงกันฉะนั้นการได้รับข้อมูลหรือจำนวนผู้เสียชีวิตที่ไม่แน่นอนจะส่งผลต่อการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนว่าแท้จริงแล้วมีจำนวนตัวเลขการเสียชีวิตเท่าไหร่และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแบบใดประมาทสภาพของรถที่ใช้หรือจุดเสี่ยงกันแน่เพื่อให้ทราบสถานการณ์ปัจจุบัน”
การที่จุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้การกำหนดทิศทางหรือนโยบายเรื่องความปลอดภัยทางถนนจะเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่ชัดเจนในการทำหน้าที่เรื่องระบบข้อมูลหากเราสามารถมีหน่วยงานมาทำงานและเก็บข้อมูลเป็นระบบจัดสรรงบที่เหมาะสมก็จะส่งผลให้สามารถวิเคราะห์ปัญหารู้ว่าจะต้องเสนอแนะหรือแก้กฎหมายแบบไหนอย่างไร
ดร.สุเมธ องกิตติกุลย้ำว่า “ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายอาจต้องดูในส่วนของ 1.อัตราโทษ 2.รูปแบบการบังคับใช้และ 3.ประสิทธิภาพของการบังคับใช้เพราะหากอัตราโทษต่ำเกินไปการจับกุมของเจ้าหน้าที่ก็จะไม่มีผลและไม่ทำให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่สำคัญจะต้องมีกระบวนการลงโทษผู้ที่กระทำผิดซ้ำเพราะในความเป็นจริงแล้วกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมเสี่ยงบนถนนเป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากซึ่งระบบการตัดแต้มใบขับขี่และเพิ่มโทษคนกระทำผิดซ้ำควรถูกนำมาใช้เพื่อควบคุมไม่ให้มีคนกลุ่มนี่อยู่บนท้องถนนเมื่อคนบนท้องถนนมีคุณภาพดีขึ้นอุบัติเหตุก็จะลดลงได้ในขณะที่คนทั่วไป 70-80 เปอร์เซ็นต์จะมีพฤติกรรมการขับขี่ดีอยู่แล้ว”
นักวิชาการสถาบันวิจัยฯบอกว่าขณะที่ในต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จนั้นมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดและมีการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยเฉพาะอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆเช่นเข็มขัดนิรภัยตอนหลังระบบเบรกที่ดีขึ้นอุปกรณ์ช่วยควบคุมการทรงตัวของรถยนต์ซึ่งหลายประเทศกำหนดเป็นมาตรฐานบังคับให้รถทุกคันต้องมีขณะที่ประเทศไทยยังมีค่อนข้างน้อยทำให้ต้องมาพิจารณากันว่าควรมีการเพิ่มมาตรฐานบังคับเหล่านี้หรือไม่
นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แสดงทัศนะว่าเราต้องเร่งควบคุมพฤติกรรมเสี่ยงใน10เรื่องที่มักจะเกิดอุบัติเหตุเป็นประจำคือ1.การไม่สวมหมวกนิรภัย2.สภาพของยานพาหนะไม่ปลอดภัย3.ขับขี่รถด้วยอาการเมาสุรา4.ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย5.ไม่มีใบขับขี่6.ขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกำหนด7.ฝ่าฝืนสัญญาณจราจรต่างๆ8.การขับรถย้อนศร 9.การแซงในที่คับขันและ 10.การใช้โทรศัพท์ขณะขับรถสำหรับแนวทางป้องกันแก้ไขต้องพยายามบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยเฉพาะการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมไปถึงการจัดตั้งจุดตรวจในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเช่นบริเวณสี่แยกต่างๆเป็นต้น
นายกอบชัย บอกทิ้งท้ายว่า ปัจจัยสำคัญคือถนนคนรถและสิ่งแวดล้อมซึ่งถ้าบริหารจัดการได้จะช่วยลดอัตราการสูญเสียได้มากขณะเดียวกันต้องเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและต้องให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมรับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ก็จะช่วยลดอุบัติเหตุลงไปได้มาก
ด้วยเหตุนี้การจัดการสัมมนาในเรื่องของความปลอดภัยในครั้งนี้จึงเป็นการปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันอุบัติเหตุและการมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมอันจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนต่อไป
ที่มา: เว็บไซต์แนวหน้า