ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช่วยลดเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงได้
ที่มา: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
แฟ้มภาพ
วันความดันโลหิตสูงโลกหมอแนะหมั่นตรวจวัดความดันและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช่วยลดเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูงได้
นายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่7จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า สมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลกและสมาคมโรคความดันโลหิตสูงนานาชาติกำหนดให้วันที่17พฤษภาคมของทุกปีเป็นวันความดันโลหิตสูงโลกในปี2562ใช้คำขวัญ"KnowYourNumbers"หรือ"ท่านทราบระดับความดันโลหิตของท่านหรือไม่"รณรงค์มุ่งเน้นให้ประชาชนหมั่นตรวจวัดค่าความดันโลหิตของตนเองอย่างน้อยปีละ1ครั้งเพื่อให้ทราบถึงความเสี่ยงต่อภาวะโรคความดันโลหิตสูงซึ่งโรคความดันโลหิตสูงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของประชากรทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคความดันโลหิตสูง7.5ล้านคนและมีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงเกือบ1พันล้านคนทั่วโลกในประเทศไทยโรคความดันโลหิตสูงยังคงเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญเช่นกันจากความชุกของโรคความดันโลหิตสูงในประชากรอายุ15ปีขึ้นไปเพิ่มขึ้นจาก10ล้านคนในปี2552เป็น13ล้านคนในปี2557และเกือบครึ่งหนึ่งไม่ทราบว่าตนเองป่วยด้วยโรคนี้ในพื้นที่เขตสุขภาพที่7ประกอบด้วยจังหวัดขอนแก่นมหาสารคามกาฬสินธุ์และร้อยเอ็ดมีจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงในประชากรอายุ40ปีขึ้นไปมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจาก334,338คนในปี2556เป็น402,353คนในปี2561
โรคความดันโลหิตสูงถือเป็น"ฆาตรกรเงียบ"เนื่องจากโรคนี้ไม่มีสัญญาณเตือนหรืออาการแสดงที่ชัดเจนทำให้ไม่ตระหนักถึงอันตรายของโรคหากปล่อยให้ตนเองมีภาวะความดันโลหิตสูงเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจะมีความเสี่ยงทำให้เกิดโรคและภาวะแทรกซ้อนต่างๆเช่นโรคหลอดเลือดหัวใจโรคหลอดเลือดสมองหลอดเลือดแดงในตาเสื่อมและไตวายส่งผลให้เกิดความพิการและเสียชีวิตได้สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีการรับประทานอาหารที่มีปริมาณโซเดียมสูง(เช่นปลาร้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเครื่องดื่มเกลือแร่เป็นต้น)ไม่รับประทานผักและผลไม้ไม่ออกกำลังกายดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูบบุหรี่ประกอบกับอายุที่มากขึ้นรวมถึงการที่มีพ่อแม่หรือญาติพี่น้องสายตรงเป็นโรคความดันโลหิตสูงซึ่งพฤติกรรมและปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพและส่งผลให้มีโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูงมากขึ้น
นายแพทย์ธีรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคความดันโลหิตสูงสามารถควบคุมและป้องกันได้ด้วยการลดรับประทานอาหารที่มีโซเดิมสูงเช่นปลาร้าอาหารสำเร็จรูปอาหารแปรรูปขนมขบเคี้ยวเครื่องดื่มเกลือแร่เป็นต้นควรเพิ่มการรับประทานผักและผลไม้(รสหวานน้อย)เช่นพืชตระกูลถั่วฝรั่งกล้วยส้มแตงโมเป็นต้นออกกำลังกายสม่ำเสมอโดยเริ่มต้นด้วยกิจกรรมเบาๆไปจนถึงกิจกรรมปานกลางเช่นการทำสวนการเดินและทำงานบ้านควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมลดละการดื่มแอลกอฮอล์ลดละการสูบบุหรี่และที่สำคัญควรหมั่นตรวจวัดความดันโลหิตเป็นระยะอย่างน้อยปีละ1ครั้งตามแนวคิด"ท่านทราบระดับความดันโลหิตของท่านหรือไม่"(KnowYourNumbers)สำหรับผู้ที่ป่วยโรคนี้อยู่แล้วต้องรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องและพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอตลอดจนวัดความดันโลหิตเป็นประจำพร้อมจดบันทึกค่าความดันโลหิตของตนเองด้วย หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค1422