ประยุกต์แบบฝึกหัดเยาวชน เข้าใจสังคมแบบสร้างสรรค์
แรงคิดและพลังสร้างสรรค์ของเยาวชนปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามยุคสมัย ผู้ใหญ่ซึ่งเปรียบเสมือน“พี่เลี้ยง” จึงต้องก้าวตามให้ทัน พร้อมๆกับที่ร่วมสร้างโจทย์ฝึกทักษะส่งเสริมให้พลังเหล่านั้นเป็นด้านบวกเกิดคุณค่ากับสังคม
เพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ ผอ.สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มองว่า นอกจากรูปแบบความรู้จะเปลี่ยนไปตามความถนัดของผู้ร่วมกิจกรรมแล้ว กลวิธียังต้องเจาะกลุ่มเยาวชนที่มีความสนใจหลากหลาย อาจจะแฝงในการทำละคร เล่นดนตรีที่กำลังเป็นที่นิยม หรือสร้างสรรค์เป็นการออกค่ายนอกห้องเรียนที่สำคัญคือสามารถเชื้อเชิญให้คนทำงานรู้เท่าทันในประเด็นต่างๆที่ตัวเองสนใจ ทั้งด้านคุณและโทษผ่านการใช้เหตุผล กระทั่งไม่ลืมว่าประโยชน์ที่ทำไปนั้นจะเผื่อแผ่ไปถึงสังคมได้อย่างไร
ชุดโครงการที่สำนักสร้างสรรค์โอกาสฯที่สนับสนุนจึงประกอบไปด้วยกิจกรรมหลากหลาย ตามรูปแบบความชอบของเยาวชนในแต่ละกลุ่ม เน้นการทำจริง ใช้ศิลปะเชิงสร้างสรรค์ ไม่ให้ถูกยึดไปตามกรอบใดกรอบหนึ่งเพียงอย่างเดียวจนน่าเบื่อหน่าย ขณะเดียวกันกิจกรรมต้องสร้างให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกต่อสาธารณะ ไม่เมินเฉยต่อปัญหาความเดือดร้อนของผู้อื่น
พฤหัส พหลกุลบุตร มูลนิธิสื่อชาวบ้าน (กลุ่มมะขามป้อม) พี่เลี้ยงกิจกรรม “ละครเพื่อการเปลี่ยนแปลง” ยกตัวอย่างว่า พวกเขาใช้ “ละครชุมชน”เป็นสื่อกลางให้เยาวชนลงไปทำงานร่วมกับชุมชน ทั้งขั้นตอนการเก็บข้อมูลในประเด็นที่ชุมชนกำลังสนใจ ขั้นตอนการสร้างงานละครซึ่งใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารกับคนรอบข้าง จวบไปถึงขั้นตอนสื่อสารแบบสองทาง รับฟังความเห็นจากชาวบ้านในพื้นที่เพื่อไปสู่การพัฒนาในชุมชนหรือตัวเยาวชนเอง
ยกตัวอย่างทีมละครเยาวชนจาก จ.สงขลา เจ้าของผลงานเรื่อง “ปลาป๋อง”ซึ่งลงพื้นที่รอบทะเลสาบสงขลา และพบว่าในพื้นที่ดังกล่าวกำลังเสื่อมโทรม ทรัพยากรถูกทำลายโดยเฉพาะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชายฝั่ง สัตว์น้ำลงลง ชุมชนมีความขัดแย้งจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป จนเป็นช่องว่างให้กลุ่มนายทุนเข้ามาสร้างที่พักตากอากาศ-แพปลาบริเวณรอบทะเลสาบสงขลา ชาวบ้านที่เคยจับปลาสด ๆ มาเป็นอาหารไม่มีทางเลือก จนต้องมาซื้อ “ปลากระป๋อง”จากนายทุนมารับประทานเพราะไม่สามารถลงไปหาปลาในพื้นที่ที่ตนเองเคยอยู่มาได้
“มันเป็นเรื่องที่เราสนใจ เพราะเกิดขึ้นที่บ้านของเรา การทำละครจึงเป็นการจับเอาประเด็นที่เราอยากศึกษาอยู่แล้วมาร่วมกับทักษะการแสดงที่เป็นช่องทางการสื่อสารที่แปลกใหม่สร้างสรรค์ และพวกเราเองก็สนุกที่จะฝึกฝนทักษะละครไปใช้บอกเล่าเพราะเป็นสื่อที่ต่างๆจากสื่ออื่นที่อาจเป็นการสื่อสารทางเดียวนั่นคือการบอกเล่าและผ่านไป” เอียด-สิทธิพงศ์ สังข์เศรษฐ์ บัณฑิตหนุ่มมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ.สงขลา บอกถึงเรื่องราวบ้านเกิดที่สะท้อนผ่านงาน
ไม่ต่างกับเยาวชนในแต่ละภาคที่สะท้อนสังคมผ่านกิจกรรม เช่นตัวแทนจากภาคตะวันออกซึ่งนำเสนอประเด็นที่เชื่อมโยงกับบริบทพื้นที่อย่างการสร้างนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านและความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ หรือทีมเยาวชนตะขบป่า จ.นครราชสีมาซึ่งเสนอเรื่อง “ดงพญาไฟ” ที่ประมวลความรู้สึกและข้อมูลจากเมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ที่ จ.นครราชสีมาเมื่อปี 54 มาบอกเล่าและตั้งประเด็นถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม
“ละครเป็นรูปแบบสื่อสารที่เขาชอบและเลือกใช้เป็นเครื่องมือ แต่แก่นของกิจกรรมยังอยู่ที่ความต้องการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต มองถึงประโยชน์ส่วนร่วม โลกปัจจุบันมากด้วยข้อมูล การเติบโตของเยาวชนต้องมีทักษะในการคิด ตัดสินใจ และสร้างสรรค์สิ่งที่เหมาะสมได้ด้วยตนเอง ดังนั้นนอกจากการตั้งโจทย์คำถามเพื่อให้เยาวชนค้นหากระบวนการไปสู่คำตอบแล้ว ผู้สอนเองต้องลดบทบาทด้านเป็นผู้ออกคำสั่ง และแปรเปลี่ยนเป็นเพียงโค้ชหรือผู้กระตุ้นให้เกิดการใช้เหตุผลตัดสินใจเท่านั้น” พฤหัสอธิบายสรุปแนวทางในมุมพี่เลี้ยง
เก้า-ธรรมนิจ ศุภกิจเจริญ นักศึกษาชั้นปี 3 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สมาชิกชมรมอาสาพัฒนาและบำเพ็ญประโยชน์ ซึ่งร่วมกิจกรรมค่ายอาสาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่มูลนิธิโกมลคีมทองร่วมเป็นพี่เลี้ยง บอกว่า การมีผู้กระตุ้นให้คิด และเปิดโอกาสลงพื้นที่จริงทำให้เธอและเพื่อนกล้าที่เลือกประเด็นกิจกรรมที่มีความซับซ้อนและยากขึ้น เช่นประสบการณ์ปีแรกที่ร่วมงานกับมูลนิธิโกมลฯได้เลือกประเด็นแรงงานต่างด้าว ซึ่งพบว่าปัญหานี้เชื่อมโยงเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติและประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อแรงงานข้ามชาติจากเดิมที่มีทัศนคติในแง่ลบ แปรเปลี่ยนเป็นการมองกว้างถึงระบบและช่องว่างที่เป็นสาเหตุจากปรากฏการณ์ ขณะเดียวกันได้เพิ่มความอดทน ความยืดหยุ่นหลังฝึกฝนทำงานกับผู้ที่คิดเห็นแตกต่างหรือมีข้อจำกัดทางสังคมแตกต่างจากตัวเอง
กิจกรรมฝึกหัดที่สร้างสรรค์จึงยังแฝงด้วยแก่นสาระเดิม พร้อมท้าทายให้เยาวชนตั้งคำถามกับสังคมปัจจุบันซึ่งซับซ้อนไปตามยุคสมัย
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์