ประชาคมงดเหล้าภาคใต้ นัดถกปัญหาสุรา ดึงชุมชน-นักศึกษาร่วมแก้

ประชาคมงดเหล้าจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ร่วมกับมูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย (สสม.) สำนักงานวิชาการและบริการชุมชน (สวช.) วิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี และวิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดประชุมวิชาการของนักวิชาการศาสนาเพื่อสร้างความตระหนักในปัญหาเกี่ยวกับสุรา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันพุธ ที่ 7 กรกฎาคม 2554 ที่ผ่านมา 

ประชาคมงดเหล้าภาคใต้ นัดถกปัญหาสุรา ดึงชุมชน-นักศึกษาร่วมแก้

โดย ผศ.นิฟาริด ระเด่นอาหมัด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นประธานในการเปิดประชุมวิชาการ และ ดร.มะรอนิง สาแลมิง เป็นผู้ดำเนินการ ประเด็นเนื้อหาในการประชุมวิชาการครั้งนี้มีเรื่อง การดื่มสุรากับความเป็นมุสลิม และเรื่อง สุรา ความโสมมในสังคมที่เสื่อมศรัทธา นำเสนอโดย อาจารย์เจ๊ะเล๊าะ แขกพงศ์ 

นอกจากนี้ มีการนำเสนอผลงานงานวิจัยเกี่ยวกับปัญหาสุรา เรื่อง พฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ  ของมุสลิมไทย บทความวิชาการเกี่ยวกับปัญหาสุรา เรื่อง สุราในทัศนะอิสลามและทางการแพทย์ นำเสนอโดย นายแพทย์มูฮัมหมัดดาโอ๊ะ เจ๊ะเลาะ 

ในภาคบ่ายเป็นกระบวนการเสวนากลุ่มย่อย หัวข้อ มาตราการและข้อเสนอเชิงนโยบายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มประเด็น คือกฎหมายและศาสนา สังคมและจริยธรรม และการศึกษาและสุขภาพ

ประชาคมงดเหล้าภาคใต้ นัดถกปัญหาสุรา ดึงชุมชน-นักศึกษาร่วมแก้

การทำความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสุราและผลกระทบของสุรานั้น นับได้ว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกคน  เพราะพิษภัย และโทษของสุรา จะส่งผลกระทบโดยองค์รวมกับทุกคน ไม่ว่าจะผู้ที่ดื่มสุราหรือไม่ก็ตาม ผลกระทบทั้งต่อร่างกาย จิตใจ ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และรวมไปถึงศาสนาโดยรวม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นมุสลิม ยิ่งต้องทำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพิษภัย และโทษของสุรา ตลอดจนผลกระทบอย่างลึกซึ้ง เพราะบ่อยครั้งที่ผู้ที่ไม่ได้ทำการดื่มสุราจะคิดว่า  ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อกับสุรา จึงไม่จำเป็นต้องนับรู้รับทราบถึงพิษภัย โทษ และการแพร่ระบาดของสุรา 

แต่ในที่สุดพิษภัยอันมหันต์ โทษ และผลกระทบของสุราก็ได้เคลือบคลานเข้าหาชุมชน ครอบครัว หรือคนรอบข้างอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะการทำลายภาพพจน์ และภาพลักษณ์ความเป็นสังคมมุสลิมที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบอย่างน่าละอาย
กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมได้แก่ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 4 อำเภอ ผู้นำศาสนา 4 อำเภอ นักวิชาการ ผู้นำท้องถิ่น  เยาวชน นักศึกษา และภาคประชาคม รวมทั้งสิ้น 120 คน

ที่มา: มูลนิธิสร้างสุขมุสลิมไทย
 
 
 
 
 
 

 

Shares:
QR Code :
QR Code