ประชากรโลก90% อยู่ในมลพิษทางอากาศ
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
แฟ้มภาพ
ประชากรโลกกว่า 90% อยู่ในพื้นที่มลพิษอากาศสูง ตายปีละกว่า 7 ล้านคน ขณะภาพรวมประเทศไทย มลพิษอากาศอยู่ในภาวะทรงตัว ปี 62 พื้นที่ภาคเหนือ-หน้าพระลาน สระบุรีรุนแรงขึ้น
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าว "4 กรกฎาคม วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย ปี 2562" ว่า วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทยประจำปี 2562 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-2 ก.ค.2562 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ภายใต้ แนวคิด "อากาศดี สุขภาพดี ด้วยพลังภาคีทุกภาคส่วน (Better Air Quality for Better Health)" เนื่องจากมลพิษทางอากาศเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพที่สำคัญ
โดยกว่า 90% ของประชากรทั่วโลกอยู่ในพื้นที่ที่มีปริมาณมลพิษทางอากาศสูงกว่าค่าแนะนำขององค์การอนามัยโลก หรือฮู (WHO) และทุกปีจะมีประชากรกว่า 7 ล้านคนเสียชีวิตจากการรับสัมผัสมลพิษทางอากาศ ประเทศไทยมีปัญหามลพิษทางอากาศเช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
นายพันศักดิ์ ถิรมงคล ผู้อำนวยการ กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า สถานการณ์มลพิษทางอากาศของไทยในภาพรวมยังทรงตัวเมื่อเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีมลพิษ 3 ชนิดที่เป็นปัญหา ได้แก่ ฝุ่นละอองขนาด 10 ไมครอน (PM10) ฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM2.5) และโอโซน หากประเมินเชิงเวลาพบว่าจะมีค่าเกินมาตรฐานในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. และปลายปีเริ่มเดือน ธ.ค. หากพิจารณารายพื้นที่มี 3 พื้นที่สำคัญ ได้แก่ 1.พื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ในปี 2562 เกิดช่วงเดือน ก.พ.-ปลาย เม.ย. สถานการณ์รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่าประเทศไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเอลนีโญ ทำให้แล้งมากขึ้น อุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1-2 องศา และประมาณน้ำฝนลดลง 10% ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่รุนแรงมากขึ้น เมื่อมีไฟเกิดขึ้นก็จะเผาได้ดี บวกกับแหล่งกำเนิดเกิดจากไฟป่าเป็นหลัก ซึ่งกว่า 80% จุดความร้อนจะเกิดในพื้นที่ป่า รวมถึงการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตร 2.พื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งแนวโน้มสภาพอากาศรายปีของ กทม.ดีขึ้น ค่าเฉลี่ยรายปีของฝุ่น PM2.5 พื้นที่ กทม.อยู่ที่ 26-27 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเล็กน้อย สาเหตุหลักของมลพิษเกิดจากการ จราจร และ 3.พื้นที่ ต.หน้าพระลาน จ.สระบุรี สถานการณ์ปี 2562 รุนแรงมากขึ้น ค่าเฉลี่ยมลพิษทางอากาศสูงขึ้น เกิดจากการผลิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงหน้าแล้ง ที่จะมีการก่อสร้างมาก เนื่องจากเป็น พื้นที่แหล่งผลิตหินปูน มีเหมือนแร่ หินปูนและโรงปูน แม้จะการควบคุมฝุ่นที่ดีขึ้นมาก
"สถานการณ์ PM2.5 พื้นที่ กทม.ในปีหน้าน่าจะเกิดขึ้นอีกแน่นอน ต้องเตรียมรับมือ ซึ่งจากการถอดบทเรียนในปีนี้ สิ่งสำคัญที่ทำให้สำเร็จคือความร่วมมือจากทุกภาคส่วน กรณีที่มีการเสนอให้ใช้หอฟอกอากาศนั้น มีผู้เข้ามาเสนอกรม พบว่าราคาต่อหออยู่ที่ 60 ล้านบาท ประสิทธิภาพ 10 ล้านคิวต่อวัน เมื่อประเมินแล้วต้องใช้หอฟอกอากาศถึง 1.6 หมื่นหอหากจะฟอกอากาศทั้ง กทม. และไม่นับรวม งบประมาณที่จะต้องใช้ในการซื้อพื้นที่ที่จะสร้างด้วย ฉะนั้น เมื่อประเทศไทยรู้แหล่งกำเนิดของมลพิษก็ควรคุมแหล่งกำเนิดให้ได้"