ปฏิรูปประเทศไทย ใช่!! ปฏิรูปรัฐธรรมนูญ
เปลี่ยนแปลงสังคมด้วยตัวของเราเอง
คนไทยส่วนใหญ่ก็คงมีความรู้สึกเหมือนผมว่า ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ บนท้องถนนในบ้านเราจนเป็นเหตุให้มีผู้คนต้องบาดเจ็บ ล้มตาย โดยหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้อีกแล้ว
ผมเคารพสิทธิ์ของทุกคนครับ ที่จะแสดงความคิดเห็นอันเกี่ยวกับปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเห็นด้วย คัดค้าน ต่อต้าน แต่ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ไม่เหนื่อยไม่หน่ายกันบ้างเลยหรือกับการทำร้ายประเทศไทย แล้วอ้างว่ากระทำเพื่อมวลชน เพื่อประชาธิปไตย!?!
ผมเชื่อว่า คำตอบมีอยู่ในใจของทุกคน แต่ยังขาดการังสรรค์จัดการให้เกิดกระบวนการ ซึ่งแม้แต่ผมเองที่เพียรพยายามสร้างความเชื่อมั่นว่า คนไทยมีศักยภาพเพียงพอในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีกว่า ด้วยความร่วมมือร่วมใจของหลายฝ่ายนั้น ก็ยอมรับว่าผมกำลังรอ “ผู้นำ” คนนั้นที่จะชูธงนำพาประเทศไทยให้พ้นจากวงจรอุบาทว์…เอะอะ..คิดอะไรไม่ออกก็แก้รัฐธรรมนูญ
กระแสการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะอย่างไร มักจะถูกเกี่ยวโยงว่าเป็นการทำให้การเมืองการปกครองไทยดีขึ้น เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น…แต่ผมอยากตั้งประเด็นว่าท่ามกลางการชูนโยบายปฏิรูปประเทศนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเป้าหมายที่จะต้องขับเคลื่อนควบคู่กันไปหรือเปล่า?
ผมไม่ได้หวังที่จะได้คำตอบจากกลุ่มคนที่กำลังพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือจากคนที่ต่อต้านหรอกครับ แต่ผมหวังเหลือเกินว่าสังคมไทยจะช่วยกันพิเคราะห์ เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ร่วมกัน และเมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจเลือก หรือมีใครมาขอประชามติ เราจะได้มีข้อมูลที่จะพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบ มิใช่พวกมาลากไปอย่างที่มักจะเกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา
ในประเด็นที่ผมตั้งขึ้นว่า “ปฏิรูปประเทศไทย (ไม่) ใช่ปฏิรูปรัฐธรรมนูญ” นั้น เพราะผมจำได้ว่าเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้ง และล่าสุดเมื่อปี 2550 นี้เองที่ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส ท่านก็เคยแสดงความเห็นว่า ถ้าเราไปบอกว่าปฏิรูปการเมือง คือ ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็หมายความว่า เราทำไปแล้ว 2 ครั้งนั่นคือ รัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 ถ้าจะทำครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 จะได้ผลหรือไม่
แปลไทยเป็นไทย คือ ถ้ามีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่คงไม่แตกต่างจากเดิม การปฏิรูปการเมืองโดยรัฐธรรมนูญคงจะไม่ใช่ทางออก เพราะ “อำนาจ” ไม่สามารถแก้ปัญหาได้เสมอไป ด้วยเล็งเห็นปัญหาของประเทศไทย และเข้าถึงวัตถุประสงค์ในการปฏิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริง กระบวนการทำงานที่เรียกว่าสถาบันเครือข่ายทางปัญญาจึงเกิดขึ้นด้วยการระดมสมองจาก
กลุ่มคนที่มาจากสถาบันการศึกษา นักวิชาการมาช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศไทย หลังจากนั้น ก็มีการขยายเครือข่าย ร่วมด้วย ผู้นำชุมชน ผู้ที่ปฏิบัติงานในท้องถิ่น ผู้เชี่ยวชาญ หัวหน้าเครือข่าย ผู้แทนเครือข่ายต่างๆ ภายใต้ “โครงการปฏิรูปประเทศไทยเพื่อสุขภาพวะคนไทย” นั่นเอง
เพื่อการระดมปัญญาและทำงานอย่างมีระบบ และมีเข็มทิศนำทาง นพ.ประเวศได้วางโครงไว้ว่าการปฏิรูปประเทศไทยให้น่าอยู่ที่สุดในโลกนั้น น่าจะคุยกัน 10 เรื่องใหญ่ อาทิ การสร้างจิตสำนึกใหม่ การวางระบบสวัสดิการสังคม การสร้างสัมมาชีพ การปฏิรูปสิ่งแวดล้อมและพลังงาน การสร้างชุมชนเข้มแข็ง ปฏิรูประบบสุขภาพ ปฏิรูปการศึกษา การปฏิรูปการเมืองความยุติธรรม รวมทั้งสื่อสารมวลชน และการวางยุทธศาสตร์ของชาติ
การทำงานหรือพูดคุย สร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายด้วยการระดมความเห็น เรียนรู้ศึกษาปัญหา วิจัยหาข้อมูลในทุกระดับของโครงการปฏิรูปประเทศไทยเพื่อสุขภาวะคนไทย โดยสถาบันเครือข่ายทางปัญญา ดูเหมือนไม่มีประเด็นที่เฉพาะเจาะจงเลยว่าต้องแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ หากอยากเห็นการปฏิรูปประเทศไทยประสบความสำเร็จ
อาจจะมีในรายละเอียดของปัญหาการทำงาน การบริหารจัดการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความเท่าเทียมในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และการค้า ด้วยข้อเสนอแนะให้มีการแก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ กฎกระทรวง แต่ก็มีเหตุผลอันเนื่องมาจากความล้าสมัย และเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงในภาคปฏิบัติ และถูกต้องตามครรลองของคุณภาพชีวิตประชาชนในท้องถิ่นเท่านั้น
โจทย์ใหญ่ของการปฏิรูปว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยน่าอยู่ที่สุด คือ การให้ประชาชนเกิดจิตสำนึกร่วมว่า เราต้องเปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วยตัวของเราเอง มิใช่ให้คนอื่นคิดแทนหรือสั่งการจากส่วนกลางเหมือนในอดีตที่ผ่านมาอีกต่อไป
ฉะนั้น ผมจึงอยากตอกย้ำว่า การปฏิรูปประเทศไทยเพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย ให้มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ความพยายามที่รัฐบาลกำลังผลักดันเพื่อการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแล้วอ้างว่าที่มาของนักการเมือง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคือทางออก หรือเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งที่สามารถเชื่อถือได้ว่า สังคมไทยจะได้ผู้นำหรือผู้ใช้อำนาจรัฐที่มีคุณภาพ
แต่ที่สำคัญที่ต้องดำเนินการคือ ฟังเสียงของประชาชนที่ได้ออกมาพูดผ่านหลายเวที โดยเฉพาะเวทีการเสวนาซึ่งจัดโดยคณะกรรมการปฏิรูป ตลอดจนคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูป ที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นต่างหาก
ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูปที่ดิน การปรับเปลี่ยนการครอบครองที่ดิน การสร้างรัฐสวัสดิการ ปรับเปลี่ยนเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างหลักประกันพื้นฐานสวัสดิการให้ประชาชนทุกคนที่ได้ลงการจัดสรรทรัพยากรอย่างเป็นธรรม การสร้างระบบการศึกษาที่ให้โอกาสคนไทยอย่างเสมอภาค การแก้ไขกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมต่างหาก ที่เป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลน่าจะรีบฉวยโอกาสที่คนไทยเห็นชอบให้มีการปฏิรูปครั้งสำคัญนี้ทำงานให้ลุล่วง
การเห็นต่างเป็นเรื่องสร้างสรรค์ครับ ดังนั้นผมจึงอยากจะบอกว่า ปฏิรูปประเทศไทยที่ทำท่าว่ากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง มีโอกาสจะกลายเป็นสถานการณ์ถอยหลังเข้าคลองได้ หากผู้นำหรือผู้มีอำนาจยังหลงทาง เชื่อว่า ปฏิรูปรัฐธรรมนูญคือปฏิรูปประเทศไทย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update : 25-11-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : กิตติภานันทร์ ลีจันทึก