น้ำใจไม่เหือดหาย
หลังควันจางที่“มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค”
เหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมานั้น นำมาซึ่งความสูญเสียในความรู้สึกของคนไทยทุกคน และหนึ่งในองค์กรที่ได้ผลกระทบโดยตรง คือ “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ที่อาคารสำนักงานซึ่งอยู่ด้านหลังเซ็นเตอร์วัน ถูกเพลิงเผาทำลายไปด้วยเช่นกัน
แม้กำลังใจที่หลั่งไหลมายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ทั้งที่ผ่านมายัง “พี่ปุ่ม-สารี อ๋องสมหวัง”เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และหลายคนเดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ถึงที่ ยังอาคารสำนักงานชั่วคราว ห้างเซ็นจูรี่ เดอะ มูฟวี่ พลาซ่า ส่วนสำนักงานชั้น 6 แต่การซ่อมแซมสำนักงานเดิมของมูลนิธิฯ ให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ยังต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งการยืนอยู่เคียงข้างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคของประชาชนจะเป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่า ที่ผ่านมามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ทำหน้าที่ช่วยปกป้องสิทธิให้ผู้บริโภคอย่างแท้จริง
นพ.สงคราม ทรัพย์เจริญ แพทย์หลวง อาจารย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับความช่วยเหลือด้านคดีความจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เมื่อครั้งคุณหมอออกมาช่วยประชาชนซอยร่วมฤดียื่นฟ้องต่อหน่วยงานราชการที่ละเลย และปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ จนส่งผลกระทบต่อสาธารณประโยชน์และความเป็นอยู่ของประชาชน คุณหมอก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้เมื่อทราบข่าวความเสียหายของมูลนิธิฯ
“พอผมได้รับข่าวว่า มูลนิธิฯ ได้รับผลกระทบจากไฟไหม้ทำให้เกิดความเสียหาย รู้สึกเสียใจมาก ได้ส่งขนม ของกิน และยารักษาโรคไปให้กับทนายอาสา เพราะว่าที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้ทำงานเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง และสามารถเป็นตัวแทนให้กับประชาชนได้จริงๆ เมื่อถึงคราวมูลนิธิฯ เดือดร้อน อะไรที่ช่วยกันได้ก็ต้องช่วยกัน”
ขณะที่ “เย็นจิตร ไสยรัตน์” ผู้ประสบปัญหาบริการสาธารณะสุขในช่วงปี 2551 จากการผ่าตัดผิดพลาดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ทำให้กระเพาะปัสสาวะรั่วแล้วปัดความรับผิดชอบ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคก็เข้าไปช่วยทำหน้าที่เรียกร้องความเป็นธรรมจากโรงพยาบาลให้ด้วยเช่นกัน เมื่อทราบข่าวมูลนิธิฯ ถูกไฟไหม้ เย็นจิตร ถึงกับบอกว่า “เหมือนเราถูกไฟไหม้ไปด้วย”
“มูลนิธิฯ ทำงานเกินร้อย สามารถเป็นปากเสียงให้กลับประชาชนได้ ทุกคนเอาใจใส่ติดตามคดีความต่างๆ ให้อย่างเต็มที่ มูลนิธิฯ ถูกไฟไหม้ ก็เหมือนบ้านเราถูกไฟไหม้ เหมือนเราไหม้ไปด้วย เขาช่วยประชาชนไม่น่าต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้”
ส่วนอีกหนึ่งเสียงของประชาชนที่ไม่อาจทนนิ่งเฉย คือ “กนกวรรณ ฤกษ์เจริญพร”ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอประสบปัญหาเรื่องถูกไล่ที่อย่างไม่เป็นธรรม และการช่วยเหลือของมูลนิธิฯ ที่ผ่านมาทำให้เธอรู้สึกว่า ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของมูลนิธิเช่นกัน
“ก่อนหน้าเกิดเหตุเราได้ไปเป็นอาสาสมัครออกไปช่วยเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ รับเงินบริจาค ไปขายหนังสือฉลาดซื้อ และไปช่วยขายถุงผ้าอยู่แล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก็เหมือนกับเกิดเหตุกับเราโดยตรง อะไรที่เราทำได้ก็ยินดีที่จะช่วยทำเต็มที่ เพื่อให้มูลนิธิฯ ได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนต่อไป”
เชื่อว่าคนไทยอีกหลายคนที่ได้เห็นการทำงานของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ผ่านมา คงรู้สึกไม่ต่างกัน ความเสียหายที่เกิดขึ้น จะกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่หากทุกคนช่วยกัน
ช่องทางบริจาคทุนทรัพย์
– บัญชี “กองทุน สสส.- รวมใจเพื่อมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ธนาคารกรุงไทย สาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลขที่บัญชี 007-0-10126-4
– บัญชี “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ธนาคารกสิกรไทย สาขางามวงศ์วาน เลขที่บัญชี 058-2-86735-6
– บัญชี “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขางามวงศ์วาน เลขที่บัญชี 319-2-62123-1
– บัญชี “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ธนาคารกรุงไทย สาขางามวงศ์วาน เลขที่บัญชี 141-1-28408-9
– บัญชี “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ธนาคารทหารไทย สาขางามวงศ์วาน เลขที่บัญชี 026-2-40760-4
– บัญชี “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ธนาคารกรุงเทพ สาขาย่อยเดอะมอลล์งามวงศ์วาน เลขที่บัญชี 088-0-38742-8
– บัญชี “มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค” ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาย่อยเดอะมอลล์งามวงศ์วาน เลขที่บัญชี 463-1-10884-6
ที่มา : teamcontent www.thaihealth.or.th
update:16-06-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : คีตฌาณ์ ลอยเลิศ